.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
อ.เจษฎ์ โพสต์แล้ว หลังคนแห่แชร์เตือนกัน “ชาไทยอันตราย ห้ามดื่ม” เรื่องนี้จริงหรือ?
จากกรณีมีการแชร์ข้อมูล เตือนไม่ให้ดื่ม “ชาไทย” เนื่องจากใส่สีผสมอาหาร ที่บางประเทศไม่อนุญาตให้ใช้ อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ส่งผลต่อภาวะสมาธิสั้นในเด็ก
ในเรื่องนี้ อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์คลิปวิดีโออธิบายผ่านทางรายการ “ชัวร์แน่ หรือแชร์มั่ว” โดยระบุว่า แม้ว่าชาไทยจะถูกห้ามขายในบางประเทศเนื่องจากมีการใส่สีผสมอาหารก็ตาม แต่ก็ไม่ได้จะอันตรายอย่างที่แชร์กัน เพราะว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยกำหนดไว้ว่าให้ใส่สีผสมอาหารนั้นได้ไม่เกินเท่าไร หรือหากกังวลก็ให้ลดการบริโภคลง
พร้อมทั้งยกข้อมูลจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเคยออกมาแถลงแล้วว่า ชานั้นมีอยู่หลายประเภท บางประเภทก็อนุญาตให้ใส่สีผสมอาหารได้ แต่ต้องในปริมาณไม่เกินจากที่กฎหมายกำหนด ตามมาตรฐานสากล ดังนั้น ขอให้ผู้บริโภคอ่านฉลากก่อนซื้อ หากซื้อชาปรุงสำเร็จตามร้าน ให้เลือกที่สีอ่อนตามธรรมชาติ โดยชาไทยสีส้มที่เราคุ้นเคยกัน จะเห็นว่าแตกต่างไปจากสีของชาเย็นในต่างประเทศ ที่จะสีน้ำตาลอ่อนคล้ายกับโกโก้หรือโอวัลตินมากกว่า เพราะสีส้มนั้นเกิดจากการใส่สีผสมอาหาร เพื่อให้เครื่องดื่มน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ คนไทยรู้จักการดื่มชามานานมากแล้ว โดยมีหลักฐานตั้งแต่สมัยอยุธยา ผ่านบันทึกในจดหมายเหตุลาลูแบร์ สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลังจากนั้น ก็มีวิวัฒนาการเรื่อยมา เริ่มนำนมข้นหวานและน้ำแข็งมาใส่ โดยในช่วงรัชกาลที่ 6 พบว่าประเทศไทยมีร้านกาแฟโบราณเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และเป็นยุคที่คนไทยรู้จักการใส่นมในเครื่องดื่มชา การที่สีของชาไทย ไม่เหมือนกับชาของที่อื่นๆ เนื่องจากมีการเติมสีผสมอาหาร สีเหลืองและสีแดง ในใบชาแห้งระหว่างกระบวนการผลิต เพื่อทำให้สีของชาไทยน่ารับประทาน แต่ไม่มีผลต่อรสชาติ การที่เห็นสีชาเข้ม-อ่อนนั้น มาจากปริมาณการใส่สีที่แตกต่างกัน แต่การใส่นมเป็นส่วนผสม ก็ทำให้สีชาอ่อนลงด้วย และส่งผลจากรสชาติของชาด้วย
ผงชาไทยสำเร็จรูป ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรป มีข้อห้ามใช้สีผสมอาหาร “Sunset Yellow FCF” ที่ทำให้ผงชาไทยมีสีส้มเข้ม แล้วถ้าสีเหล่านี้ไม่ปลอดภัย ทำไมไทยเราจึงสามารถใช้เป็นส่วนผสมได้
โดยหน่วยงานภาครัฐอย่าง “สำนักงานมาตรฐานอาหารของประเทศอังกฤษ” (Food Standards Agency: FSA) เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้สีสังเคราะห์อาหาร 6 สีภายในปี พ.ศ. 2552 ทั้งยังเรียกร้องให้ทุกประเทศในสหภาพยุโรป เลิกใช้ด้วย โดยสีทั้ง 6 มีรายชื่อดังต่อไปนี้ “Tartrazine” “Quinoline Yellow” , “Carmoisine” , “Ponceau 4R” , “Allura Red” และสี “Sunset Yellow FCF” ซี่งเป็นสีสังเคราะห์ที่ให้สีเหลืองถึงสีส้ม และใช้ใส่ในผงชาไทย
ซึ่งเว็บไซต์สำนักข่าว “ดิ อินดิเพนเดนต์” (The Independent) ได้ระบุว่า สีเหล่านี้ มีความเชื่อมโยงกับภาวะสมาธิสั้นในเด็ก จากการศึกษาในกลุ่มเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษา จัดทำขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเซาท์แทมป์ตัน (University of Southampton) พบว่า สีผสมอาหารทำให้เด็กนักเรียนเสียสมาธิ และไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ ทั้งนี้กลุ่มนักวิจัยคาดว่า 30% ของเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) สามารถป้องกันได้หากบริษัทผู้ผลิตต่างๆ เลิกใช้สีสังเคราะห์ผสมอาหาร
แต่เว็บไซต์ “เฮลโหล คุณหมอ Hello Khunmor” ระบุถึงงานศึกษา ที่ชี้ให้เห็นว่า สีผสมอาหารเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพร้ายแรง แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ชัดเจน ว่าสีผสมอาหารเหล่านั้นเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพโดยตรง เพราะบางคนอาจเกิดอาการแพ้สีผสมอาหารเป็นคนๆ ไป แต่ไม่ใช่ว่าเป็นสาเหตุของอาการป่วยทั้งหมด
และทางเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวแชร์ทางออนไลน์ เกี่ยวกับชาใส่สี yellow no 6 หรือสี sunset yellow ดังนี้ ผลิตภัณฑ์ชามีหลายประเภท ได้แก่ ชาใบ ชาผงสำเร็จรูป และชาปรุงสำเร็จ ซึ่งส่วนใหญ่ ชาที่มีการใส่สี จะเป็นประเภทชาปรุงสำเร็จ ที่มีการปรุงแต่งสีกลิ่นรส ตามกฎหมายจะอนุญาตให้ใส่สี yellow no 6 หรือสี sunset yellow ได้ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ในสภาพพร้อมบริโภค ซึ่งสอดคล้องตามมาตรฐานสากล โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ถือว่า สีดังกล่าวยังปลอดภัยสำหรับการใช้ในอาหาร ตามขีดจำกัดที่กำหนด ควรมีการควบคุมการใช้และการบริโภคอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการใช้ในปริมาณที่เกินขีดจำกัดที่กำหนดไว้
สำหรับความเกี่ยวข้องกับภาวะสมาธิสั้นในเด็ก จากผลการศึกษาวิจัย ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ ที่ระบุได้ว่า สีผสมอาหารสังเคราะห์เป็นสาเหตุทำให้เกิดสมาธิสั้นในเด็ก
สำหรับคำแนะนำเรื่องการซื้อชา การเลือกซื้อชาในภาชนะบรรจุมาดื่ม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต สังเกตบนฉลาก ต้องมีเลข อย. ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิตหรือนำเข้า มีการแสดงส่วนประกอบของชา หากต้องการดื่มชาที่มีสีและกลิ่นตามธรรมชาติ ให้เลือกใบชาหรือผงชาเป็นส่วนประกอบหลัก โดยในส่วนประกอบที่แสดงบนฉลาก จะไม่มีสีและน้ำตาล
แต่หากต้องการดื่มชาปรุงสำเร็จ ที่มีการแต่งสี และปรุงรส เช่น เติมน้ำตาล บนฉลากจะมีการแสดงคำว่า สีสังเคราะห์ หรือสีธรรมชาติ (INS…หรือ ชื่อของสี) เช่น สี INS110 หรือ สี Sunset yellow ผู้บริโภคควรสังเกตสี เมื่อชงพร้อมดื่มแล้วจะต้องมีสีตามธรรมชาติ ไม่เข้มฉูดฉาด
ส่วนการซื้อชาตามร้านค้า ควรเลือกซื้อเครื่องดื่มชาสีอ่อน ไม่เข้มฉูดฉาดเช่นเดียวกัน ไม่ควรดื่มวันละหลายๆ แก้ว ควรเลือกดื่มเครื่องดื่มให้หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับสีผสมอาหารชนิดเดิม ซ้ำๆ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ
- คนกินตื่น! อ.เจษฎ์ โพสต์แล้ว “รอยดำ” บนผลไม้ คือเชื้อราทำลายตับ-ไต จริงหรือ?
- ชัดเจนที่สุด! อ.เจษฎ์ เปิดสูตร “กระเทียมลดลิ่มเลือด” อยากได้ผลจริง ต้องกินเท่าไหร่-เวลาไหน?