อ.เจษฎ์เผย คนไทยเข้าใจผิด ยิ่งบี้เห็บหมายิ่งแพร่พันธุ์ไม่จริง พร้อมเหตุผล

Home » อ.เจษฎ์เผย คนไทยเข้าใจผิด ยิ่งบี้เห็บหมายิ่งแพร่พันธุ์ไม่จริง พร้อมเหตุผล


อ.เจษฎ์เผย คนไทยเข้าใจผิด ยิ่งบี้เห็บหมายิ่งแพร่พันธุ์ไม่จริง พร้อมเหตุผล

อ.เจษฎ์เผย คนไทยเข้าใจผิด ยิ่งบี้เห็บหมายิ่งแพร่พันธุ์ไม่จริง แต่เป็นเพราะเรื่องความสะอาด มีโอกาสติดเชื้อโรคทั้งคนและสัตว์เลี้ยง

เจ้าของสุนัขและแมวหลาย ๆ บ้านน่าจะต้องมีประสบการณ์กับปัญหาที่ได้สร้างแค่ความรำคาญทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของอย่าง “เห็บ” ที่เป็นตัวกลางถ่ายทอดเชื้อโรคต่าง ๆ จนหลาย ๆ คนหาวิธีการกำจัดเห็บ

อ.เจษฎ์ หรือ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ออกมาโพสต์ให้ความรู้เรื่องที่หลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่า “เมื่อบี้เห็บแล้วจะแพร่พันธุ์และออกไข่ไปตามพื้นจริงหรือไม่”

โดยอ.เจษฎ์ ได้รับคำถามว่า “อาจารย์คะ เห็บสุนัข นี่ห้ามบี้เพราะมันมีไข่ และมันจะขยายตัวเติบโตขึ้นมากันอีก เรื่องนี้จริงหรือไม่” ซึ่งคำตอบคือ ไม่จริง พร้อมระบุข้อความว่า “ไม่ควรบี้เห็บที่เก็บจากตัวของสุนัข เพราะมันสกปรก มีเชื้อโรค แต่ไม่ใช่เพราะมันจะมีไข่ออกมาเติบโต”

เห็บ (tick) ที่พบในประเทศไทย มักจะเป็นสปีชีส์ Rhipicephalus sanguineus หรือเห็บสุนัขสีน้ำตาล (brown dog tick) มี 8 ขา ลำตัวแบน เมื่อกินเลือดตัวจะพองขึ้น มีขนาดต่างกันไปตามระยะของวงจรชีวิต ตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ เท่าหัวเข็ม จนถึงตัวที่กินเลือดเข้าไป จนตัวเต่งเหมือนลูกเกด เห็บชอบอาศัยบนตัวสุนัข แต่ก็สามารถกัดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น รวมถึงคนได้

โดยทั่วไป วงจรชีวิตของเห็บสุนัขสีน้ำตาลจะเริ่มจากไข่ (Egg) แล้วฟักเป็นตัวอ่อน (Larva) กินเลือดบนตัวสุนัขเป็นเวลา 5 – 15 วัน แล้วกระโดดออกจากสุนัข มาเติบโตลอกคราบในสิ่งแวดล้อม จนเป็นตัวอ่อนแบบนิมฟ์ (Nymph) ก่อนที่จะกลับขึ้นไปกินเลือดบนตัวสุนัขต่อ อีก 3 – 13 วัน แล้วกระโดดออกมาโตลอกคราบในสิ่งแวดล้อมอีก จนกลายเป็นตัวเต็มวัย (Adult)”

เมื่อเห็บตัวเต็มวัยจะกลับไปอาศัยกินเลือดบนตัวสุนัข โดยเห็บตัวเมียและเห็บตัวผู้จะผสมพันธุ์กัน จากนั้นเห็บตัวเมียจะกินเลือดจนอิ่ม ตัวใหญ่อ้วนกลม ก่อนที่เห็บตัวเมียจะลงจากตัวสุนัขเพื่อไปวางไข่ในสิ่งแวดล้อม โดยใช้เวลาวางไข่ประมาณ 15 – 18 วันเฉลี่ยประมาณ 4,000 ฟอง ต่อมาเห็บตัวแม่นั้นจะแห้งตาย ไข่ของเห็บจะถูกปกป้องด้วยของเหลวคล้ายขี้ผึ้งที่เห็บตัวเมียผลิตขึ้นมา ใช้เวลาประมาณ 6 – 23 วัน จึงจะฟักออกเป็นตัวอ่อนอีกครั้ง

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การที่จะพบเห็บตัวเมียที่มีไข่อยู่ในท้องแล้วจากบนตัวของสุนัขมีโอกาสน้อยมาก เพราะตัวเมียต้องลงจากตัวสุนัขมาอยู่ในสิ่งแวดล้อม และใช้เวลาในการสร้างไข่ขึ้นมาในท้อง หรือถ้าบังเอิญบี้เห็บตัวเมียที่มีไข่ในตัวอยู่จริง โอกาสที่ไข่เหล่านั้นจะเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนเห็บได้ก็น้อยมากเช่นกัน เพราะไม่มีสารห่อหุ้มไข่ที่คอยปกป้องไข่จากสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ เมื่อสุนัขติดเห็บ โดนเห็บกัด หากเห็บตัวนั้นมีเชื้อโรคในปริมาณที่มากพอก็สามารถทำให้สุนัขของเราป่วยเป็นโรคที่นำโดยเห็บ ซึ่งคนเราก็สามารถติดโรคจากเห็บได้อีกด้วย

โรคติดเชื้อจากเห็บที่สำคัญในสุนัข ได้แก่

  • โรคพยาธิเม็ดเลือดที่ทำให้เกิดอาการซึม ไม่กินอาหาร
  • เยื่อเมือก เช่น เหงือก มีสีซีดจากภาวะโลหิตจาง ปัสสาวะเป็นสีน้ำตาลจากเม็ดเลือดแดงที่ถูกทำลาย
  • อาจมีอาการรุนแรง เช่น อาการทางระบบประสาท ภาวะไตวายเฉียบพลัน จนถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้

ส่วนโรคในคนที่นำโดยเห็บ ได้แก่ โรคลายม์ (Lyme Disease) โรคไข้เห็บ (Ehrlichiosis) โรคทูลาริเมีย (Tularemia) รวมถึงผู้ที่โดนเห็บกัดมักมีอาการที่ผิวหนัง เช่น จุดเลือด, แดง, คัน ส่วนมากมักเป็นอาการเฉพาะที่ แต่บางครั้งอาจมีอาการแพ้, ผื่นขึ้น, เป็นแผลพุพอง หรือถึงขั้นหายใจติดขัดในกรณีที่มีอาการแพ้รุนแรงได้

สรุปได้ว่า การบี้เห็บ จึงไม่ทำให้เกิดการแพร่พันธุ์ต่อของเห็บเป็นทวีคูณ เหมือนที่เขาว่ากัน แต่การบี้เห็บหลังจากดึงออกจากสุนัขแล้วนั้น ก็ไม่ควรกระทำ เพราะจะก็ทำให้เกิดความสกปรก และอาจแพร่กระจายของเชื้อโรคที่อยู่ในตัวเห็บ โดยเฉพาะเชื้อโรคหลายชนิดที่เจริญอยู่ในต่อมน้ำลายของเห็บ

หากต้องการกำจัดเห็บที่ดึงออกมา สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่หย่อนเห็บลงไปในขวดที่ใส่น้ำเปล่าแล้วปิดฝา ไม่นานเห็บเหล่านี้ก็จะตายไป นอกจากการกำจัดเห็บสุนัขด้วยการดึงออกแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ยาเพื่อใช้ในการกำจัดเห็บที่อยู่บนตัวสุนัขอีกหลายรูปแบบ เช่น ยาหยดหลังสุนัข, ยากิน, ปลอกคอ หรือแชมพูสำหรับอาบน้ำ เป็นต้น

ส่วนการกำจัดเห็บในสิ่งแวดล้อมต้องทำควบคู่ไปพร้อมกับการกำจัดเห็บที่อยู่บนตัวสุนัข เจ้าของสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ยาที่สามารถฆ่าตัวอ่อน ไข่ และตัวเต็มวัยของเห็บได้ มาทำความสะอาดบริเวณบ้านและบริเวณที่นอนของสุนัข ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาถูพื้น น้ำยาที่สามารถใช้ราดพื้น หรือฉีดพ่นในซอกมุมต่าง ๆ ของบ้านที่มีโอกาสจะเป็นแหล่งที่อยู่ของเห็บได้ หรือการซักทำความสะอาดด้วยผงซักฟอก

ขอบคุณที่มาจาก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ บ้านและสวน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ