อ.ทัศนัย เล่าชีวิตข้าราชการ เงินเดือนถูกหักเหลือ 118 บาท กระอักเลือดต่อหน้านักศึกษา บอกดีที่ตอนนั้นไม่ถูกแบ่งจ่าย 2 รอบ
วันที่ 14 กันยายน 2566 เฟซบุ๊ก Thasnai Sethaseree ของ นายทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ภาควิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ ม.เชียงใหม่ มีการโพสต์เล่าประสบการณ์การได้เงินแบบถูกหักไปตั้งแต่ต้น รายละเอียดมีดังนี้
ตอนมาบรรจุเป็นอาจารย์ประจำเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ได้รับเงินเดือนประมาณ 17,500 บาท พ่อกับแม่เอาเงินบำนาญซื้อที่ดินให้แปลงหนึ่งและออกค่าสร้างบ้านให้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งผมไปกู้สวัสดิการมหาวิทยาลัยมาทำบ้านให้เสร็จโดยไม่บอกพ่อกับแม่ในทุกเดือน เงินเดือน 70% ถูกหักอัตโนมัติ จ่ายหนี้ให้สวัสดิการฯ เหลือสตางค์ไม่กี่พันบาทสำหรับใช้จ่าย ซึ่งสำหรับผมพอ เพราะไม่ได้ใช้เงินกับอะไรเลยในตอนนั้น มีเพียงค่ากินอยู่ ค่าน้ำมันรถไปทำงาน ซื้อต้นไม้มาปลูก อะไรประมาณนั้น
จนมีข้อพิพาทกับมหาวิทยาลัยเรื่องการลาศึกษาต่อ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการรับทุนฯ และต้องไปจบที่ศาลปกครอง ใช้เวลาอยู่ 5 ปี กว่าเรื่องจะสิ้นสุด แต่ก่อนเรื่องจะจบที่ศาลปกครอง ก็โดนมหาลัย’หักเงินเดือนที่เหลือไม่กี่พันบาทอยู่แล้ว ด้วยเหตุผลของการใช้เวลาในการลาศึกษาเกินกำหนด ทั้งที่ความจริงเรื่องการลายังไม่มีการอนุมัติและยังมาปฏิบัติงานสอนหนังสือปกติ
กว่า 5 ปีที่ผู้บริหารไม่ลงความเห็นว่าจะอนุมัติให้ลาหรือไม่ให้ลา จนมหาวิทยาลัยใช้วิธี (หรือวิชามาร) ให้อนุมัติการลาย้อนหลัง และจ่ายเงินส่วนที่เคยหักไปจากเงินเดือนทั้งหมดคืนมาตลอดเวลา 1 ปีเต็ม ยอดเงินที่เข้าบัญชีทุกเดือนหลังหักหนี้สวัสดิการและส่วนที่มหาลัย’หักไปอีก เหลืออยู่ 118 บาท ผมมีเงินเดือนใช้ 118 บาทเป็นเวลา 1 ปี คงจะจินตนาการกันไม่ออกว่าใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร? บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดทุกใบที่มีอยู่ มียอดการใช้เต็มทุกใบ หมุนเอาบัตรใบนั้นมาจ่ายบัตรใบนี้ วนๆ ไป ธนาคารโทรทวงหนี้จนกลัวที่จะรับโทรศัพท์
เวลาแม่มาหาทีก็จะไปซื้อเสบียงมาตุนไว้ให้ ซึ่งเป็นปกติทุกครั้งที่แม่หรือพ่อมาหา แต่ผมไม่เคยเอ่ยปากบอกว่าอยู่โดยไม่สตางค์สักบาท รถยนต์ก็ไม่ขับ ไม่มีเงินเติมน้ำมัน ใช้มอเตอร์ไซค์เก่าๆ น้ำปลา น้ำซอสต่างๆ ที่แม่ซื้อไว้ให้ก็เอาไว้กินกับข้าวต้มที่หุงจากข้าวเหนียวเพื่อให้ได้ปริมาณเยอะๆ พอที่จะแบ่งกับลูกหมา 2 ตัว ที่พ่อส่งมาให้จากกรุงเทพ ลุงคนหนึ่งปลูกกระต๊อบอยู่หน้าบ้าน ทำแปลงผักเล็กๆ ก็จะแบ่งผักมาให้กินบ้างเป็นบางครั้ง ก็มีกินเพียงแค่นั้น บุหรี่ก็เก็บจิ้งหรีดสูบมั่ง ซื้อยาเส้นมาสูบมั่ง ขี่มอเตอร์ไซค์เก่าไปสอนหนังสือ น้ำมันหมดกลางทาง ไปไม่ถึงห้องเรียนก็เคย
หลังการบรรยายเสร็จหน้ามืดจะเป็นลมเพราะไม่ได้กินข้าวก็บ่อย นักศึกษาในปีนั้นเคยเห็นผมสะอึกออกมาเป็นเลือดบนโต๊ะในวิชาสัมนาก็เคยมี ไม่สบายมาก แต่หยุดสอนหนังสือไม่ได้ เรื่องที่เล่าให้ฟังคือประสบการณ์ของพนักงานของรัฐคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีสมบัติพัสถานติดตัวอะไรเลยมาโดยกำเนิด ผมเชื่อว่าข้าราชการและพนักงานของรัฐอีกหลายแสนคนในประเทศนี้คงไม่ได้มีความสุขสบายไปมากกว่าตัวผมเองนัก โชคดีอยู่เรื่องหนึ่งคือ ตอนนั้นไม่มีใครจะมีความคิดจ่ายเงินเดือนเป็น 2 รอบ ไม่เช่นนั้นผมคงจะได้รับเงิน 59 บาท ทุก 2 อาทิตย์