ฝาแฝดที่พลัดพรากกัน 30 ปี เพิ่งได้พบกันอีกครั้งเพราะโลกออนไลน์ แค่ 3 ปี ประกาศตัดขาดความสัมพันธ์แล้ว ลั่น “ไม่อยากรู้จักกันอีก”
เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า ในปี 2021 ฝาแฝดหญิงที่พลัดพรากกัน 30 ปี จากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ได้พบกันเพราะโลกออนไลน์ และได้รับการยืนยันความสัมพันธ์ผ่านการตรวจดีเอ็นเอ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลับคงอยู่ได้เพียง 3 ปีเท่านั้น ก่อนจะออกมาเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้พวกเธอแตกหัก ถึงขั้นบอกว่าหากสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ พวกเธอคงอยากไม่รู้จักกันเลยดีกว่า
รายงานว่า ระบุว่า ในปี 2021 หญิงสาววัย 30 ปี จากมณฑลเหอหนาน ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนตัวเองเป๊ะ ๆ บนแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น หลังจากส่งข้อความพูดคุยกัน เธอพบว่าไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันเท่านั้น แต่ยังมีหลายสิ่งที่เหมือนกันอีก เช่น วันเดือนปีเกิด, กรุ๊ปเลือด, ความชอบต่าง ๆ และเริ่มสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจเป็นฝาแฝดที่พลัดพรากจากกันมานาน
ทั้งสองจึงได้จัดการตรวจดีเอ็นเอ และได้รับการยืนยันว่าพวกเธอเป็นฝาแฝดที่แท้จริง โดยที่ จาง หลี่ เป็นพี่สาว และ เฉิง เคอเคอ เป็นน้องสาว เมื่อผลตรวจออกมา ทั้งสองคนต่างก็หลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ และใช้เวลาร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดย เฉิง เคอเคอ กล่าวว่า ตั้งแต่เด็กตนเองมักอิจฉาคนที่มีพี่น้องมาก จึงอยากที่จะอยู่ใกล้พี่สาวตลอดเวลา “อยากอยู่กับเธอตลอดเวลา มีหลายเรื่องที่อยากแบ่งปันกับเธอ”
เมื่อเรื่องราวของการพบกันของฝาแฝดกลายเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์ ทั้งสองก็ใช้โอกาสนี้เริ่มต้นธุรกิจขายของผ่านไลฟ์สด แต่กลับเกิดความขัดแย้งขึ้นเรื่อย ๆ
เปิดจุดเริ่มต้นของการแตกหัก
เฉิง เคอเคอ กล่าวว่า ระหว่างการไลฟ์สดขายของที่เจิ้งโจว พี่สาว จาง หลี่ มักจะกลับบ้านบ่อย ๆ และบางครั้งก็หายไป 2-3 วัน “เวลาที่เธอไปก็ไม่บอกล่วงหน้า ทุกครั้งที่ตามหาก็ไม่เจอ นี่ไม่ใช่ทัศนคติในการทำงานที่ฉันชอบเลย”
เฉิง เคอเคอ ยังเล่าต่อว่า คืนหนึ่งพี่สาวของเธอแอบมาเอาของทั้งหมดออกไปจากห้องเช่าที่ทั้งสองเช่าร่วมกัน ออกไปตอนที่เธอกลับบ้าน ทำให้พวกเธอทะเลาะกันใหญ่
“ทุกครั้งที่ไปไลฟ์สดขายของที่ต่างเมือง ฉันต้องจ่ายค่าเช่าห้อง ค่ากิน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เอง พี่สาวพูดว่าจะช่วยแบ่งครึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ให้เงินมาเลย” เฉิง เคอเคอ กล่าว
ด้าน จาง หลี่ ผู้เป็นพี่สาว บอกว่า เธอกับน้องสาวมีบุคลิกที่แตกต่างกันมาก เธอเป็นคนที่ตรงไปตรงมา พูดตรง ๆ แต่ เฉิง เคอเคอ มักจะเก็บทุกอย่างไว้ในใจและชอบใช้วิธีเงียบเฉยแทน จาง หลี่ ยังกล่าวตรง ๆ ว่า การขายของผ่านไลฟ์สดล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ และน้องสาวต้องรับผิดชอบอย่างมาก
“ที่กวางโจวเธอทะเลาะกับเจ้าของร้านที่นั่น แล้วก็เดินขึ้นเครื่องบินกลับไปเงียบ ๆ โดยไม่บอกอะไรเลย”
จาง หลี่ ยังกล่าวว่า ครั้งสุดท้ายที่หนานหยาง ก็เป็นเพราะน้องสาวทะเลาะกับเจ้าของร้านที่นั่น ทำให้เธอต้องเสียเงินกว่า 2 หมื่นหยวน (ประมาณ 93,000 บาท)
“การทำธุรกิจร่วมกับเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องเสียเงินไปหลายร้อยพันหยวน ขาดทุนไปถุง 5-6 หมื่นหยวน (ประมาณ 232,000- 279,000 บาท) ดังนั้นหลังจากกลับมาจากหนานหยาง ฉันจึงบอกเธอตรง ๆ ว่า จะไม่ทำธุรกิจไลฟ์สดขายของกับเธออีกต่อไป” จาง หลี่ กล่าว
สุดท้ายตัดขาดเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจ
หลังจากธุรกิจขายของผ่านการไลฟ์สดล้มเหลว จาง หลี่ ตัดสินใจเปิดร้านขายของของตัวเองที่บ้านเกิดในเมืองเติงเฟิง และ เฉิง เคอเคอ ก็เดินทางมาจากบ้านเกิดเพื่อสนับสนุนเธอ แต่ในระหว่างนั้นก็เกิดการโต้เถียงเกี่ยวกับการบริหารจัดการและจำนวนเงินลงทุน ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองแตกหักอย่างถาวร
เฉิง เคอเคอ กล่าวว่า “ตอนเปิดร้านนี้ ฉันกับพี่สาวต่างคนต่างหานักลงทุนมาลงทุน เราแต่ละคนลงทุนไป 7 หมื่นหยวน (326,000 บาท) แต่เพราะพี่สาวเป็นคนท้องถิ่นที่เติงเฟิง ในสัญญาและใบอนุญาตการค้าเลยต้องเขียนชื่อเธอ หลังจากนั้นเธอก็ต้องการตั้งรหัสรับเงินเป็นชื่อเธอ แต่ฉันปฏิเสธไป”
ด้าน จาง หลี่ กล่าวว่า “แน่นอนว่าฉันไม่ยอมให้ใช้รหัส QR กับเธอ ฉันบอกตรง ๆ ว่าเธอเป็นแค่คนที่มาช่วยทำงาน ฉันเริ่มต้นลงทุนและบริหารจัดการตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก ถามเธอสิว่าเธอลงทุนไปเท่าไร? ถ้ามีการลงทุนจริงก็ให้เอาหลักฐานออกมา ถ้าเธอจ่ายเงินไปจริง ๆ ฉันก็จะคืนเงินให้ทันที ใครเอาเงินไปก็คงรู้ดี”
สุดท้ายทั้งสองทะเลาะกัน น้องสาวก็เดินจากไป และจนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว จาง หลี่ ยังบอกว่า “ตอนที่เธอไป เธอไม่ได้บอกฉันเลย และฉันต้องรู้จากลูกค้าทางโทรศัพท์ว่าเธอออกไปแล้ว แล้วเธอก็เอาเงินทั้งหมดที่อยู่ในบัญชีไปด้วย
เฉิง เคอเคอ ยอมรับว่า เธอได้บล็อกและลบข้อมูลการติดต่อของพี่สาวทั้งหมดไปแล้ว “เงินทั้งหมดไม่ถึง 2 หมื่นหยวน (ประมาณ 93,000 บาท) หลังจากหักค่าแรงและค่าเช่าห้องแล้ว เงินที่เหลือก็คืนให้กับนักลงทุนไปแล้ว หวังว่าเธอจะไม่ไปพูดออนไลน์ว่า ฉันขโมยเงินของเธอ เพราะมันเป็นเงินที่ฉันควรได้”
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ไม่อยากรู็จักกันเลย
จาง หลี่ กล่าวว่า ในความสัมพันธ์ครั้งนี้เธอได้เรียนรู้ว่าความสำคัญของเงินนั้นมากกว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือด ถ้าเธอมีโอกาสอีกครั้ง เธอจะเลือกไม่รู้จักน้องสาว “ฉันยอมไม่รู้จักเธอเลย ดีกว่ามารู้จักเธอ ความสุขตอนที่ได้รู้จักกันเป็นเรื่องจริง แต่ความผิดหวังและความเสียใจที่ตามมาก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน”
เฉิง เคอเคอ กล่าวว่า เธอยังคงแอบเข้าไปดูโซเชียลของพี่สาว จาง หลี่ เป็นระยะ ๆ และเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของเธออย่างเงียบ ๆ ถึงแม้จะบอกว่าปล่อยวางแล้ว แต่ความจริงแล้วก็รู้เพียงแค่ตัวเองว่าได้ปล่อยวางไปจริง ๆ หรือไม่
“การได้รู้จักกับเธอใน 3 ปีนี้ มีทั้งจริงและเท็จ มีทั้งสิ่งที่เป็นจริงและสิ่งที่หลอกลวง สิ่งที่จริงคือฉันได้พบพี่สาวที่พลัดพรากไปกว่า 30 ปี ส่วนสิ่งที่หลอกลวงคือ 3 ปีนี้ผ่านไปเร็วมาก และฉันอยากกลับสู่ความเป็นจริงเร็ว ๆ “