
ตกใจบรรทัดไหนดี! เด็กชายวัย 11 ปี ติดเชื้อ HIV จากแฟนสาววัย 18 ปี มาตรวจร่างกาย พร้อมยอมรับ “เต็มใจติดครับเพราะติดเป็นเพื่อนแฟน”
กลายเป็นภาพแชทที่ถูกแชร์ไปทั่วโลกโซเซียล หลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า ไม่ใช่หมอบ่น-aggressivenotdoctor ได้โพสต์ภาพแชทและระบุข้อความว่า “#ปัญหาครอบครัว#ปัญหาสังคม#ปัญหาสุขภาพ ค 11 ขวบกุยังเป่ากบเป่ากบ ตบการ์ดยูกิอยู่เลย” โดยข้อความในแชทนั้นเป็นการพูดคุยถึงเรื่องราวของเด็กชายวัย 11 ปี ที่มีอาการติดเชื้อที่อวัยวะเพศ และมีหนอง แพทย์จึงขอตจรวจ เชื้อ HIV ด้วย ด้านเด็กชายรายนั้นดันตอบกลับอย่างมั่นใจว่า “ไม่ต้องตรวจ แฟนผมเป็น ผมติดเป็นเพื่อนแฟน”
ทั้งนี้ในโลกโซเซียลต่างแชร์ภาพดังกล่าวและแสดงความคิดเห็นกันอย่างแพร่หลาย อาทิ 11 ปี สังคมน่ากลัวมาก , เด็กกล้าพูดว่าเป็นแน่นอน ไม่ต้องตรวจ แสดงว่าไม่มีความรู้เลยว่าโรคนี้ควรกินยากดเชื้อไปตลอด และแบบนี้แฟนน้องก็คงไม่กินยาด้วย ถึงได้ไม่แนะนำน้องให้กินยาน่ากลัวมาก , โกรธมากเลยนะ มึงคิดว่าชีวิตมันง่ายขนาดนั้นเลยรึไง , หนูคิดว่า hiv คือไข้หวัดหรอ , มันคือเหตุผลว่าทำไมเด็กๆควรมีพ่อแม่ดูแลใกล้ชิด ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะรอดออกมาได้
- เร่งล่าตัว! 2 โจ๋ ล็อคคอชิงมือถือเด็กชายวัย 10 ขวบ กลางโรงเรียน
- เปิดนาทีหนีตาย! เด็กวิ่งตัดหน้ารถกระบะ หวิดเกิดเหตุสลด
- ไรเดอร์สุดงง! เจอลูกค้าสั่งถุงยาง ก่อนส่งภาพหวิวพร้อมชวนขึ้นไปดู
อย่างไรก็ตามการติด เชื้อ HIV ในเด็ก ทางด้าน สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย นั้นได้ให้ข้อมูลในการดูแลรักษาโรคนี้ไว้ว่า
เชื้อไวรัสเอชไอวีติดต่อได้อย่างไร ?
เชื้อ HIV สามารถพบได้ในเลือด น้ำอสุจิ สารคัดหลั่งจากช่องคลอด น้ำนมของผู้ที่ติดเชื้อ ดังนั้นเมื่อสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งที่มีเชื้อเอชไอวีผ่านทางเยื่อบุ หรือผิวหนังที่มีบาดแผล ทำให้มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีได้ โดยหลัก ๆ มี 3 ทางดังนี้
- การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ซึ่งพบบ่อยในกลุ่มของผู้ที่เสพสารเสพติด หรือฉีดยาเข้าเส้น
- การรับเชื้อจากมารดาที่ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งมีโอกาสรับเชื้อได้ 3 ช่วง คือ ขณะตั้งครรภ์ ระหว่างคลอด และ กินนมแม่
โรคเอดส์ และ การติดเชื้อ HIV รักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ?
ในปัจจุบันมียาต้านไวรัสเพื่อใช้รักษาการติดเชื้อเอชไอวี ยาต้านไวรัสจะช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกันของร่างกายกลับมาเป็นปกติ หายจากโรคเอดส์ได้ ทำให้ร่างกายแข็งแรงใกล้เคียงกับคนปกติได้ อย่างไรก็ตาม การกินยาต้านไวรัส จำเป็นต้องกินสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกวันไปตลอดชีวิต มีการค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนายาต้านไวรัสใหม่ ๆ เช่น ยาชนิดฉีด หรือ ยาฝัง ที่ในอนาคตน่าจะมีใช้ทำให้สะดวกมากขึ้นกว่ากินยาทุกวัน เคยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำนวนไม่มากที่รักษาหายขาด แต่เป็นการรักษาด้วยวิธีการพิเศษ เช่น ปลูกถ่ายไขกระดูก เป็นต้น
โดยสรุป การติดเชื้อเอชไอวี ไม่เท่ากับ การป่วยเป็นโรคเอดส์ การวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันการดำเนินโรคสู่ระยะเอดส์ และ การรักษาด้วยยาต้านไวรัสยังช่วยให้ผู้ที่เคยเป็นเอดส์ กลับมาแข็งแรงใช้ชีวิตได้ตามปกติ การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเป็นการกินยาสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกวัน เพื่อให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ และ การที่กินยาต้านไวรัสจนเชื้อในร่างกายเหลือน้อยมาก จะช่วยลดการถ่ายทอดเชื้อไปสู่คนอื่นอีกด้วย เชื้อเอชไอวีไม่ติดต่อทางการสัมผัส หรือ การใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน ทั้งที่บ้าน โรงเรียน หรือที่ทำงาน

ที่มา : สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย