‘อุ้ม’โชว์สกิลเว้าอีสาน ท้าฝีมือร่วมงาน‘หม่ำ’ด้นสด – ลงแสดงภาพยนตร์ “ส้ม ปลา น้อย” ผลงานการร่วมทุนสร้างระหว่าง M39 และ บั้งไฟฟิล์ม เรียกว่าไม่ยากอย่างที่คิด แต่สิ่งที่ยากสำหรับนางเอกสาว ‘อุ้ม’ อิษยา ฮอสุวรรณ คงไม่พ้นการเข้าฉากกับตลกดัง ‘หม่ำ จ๊กมก’ ที่เรื่องนี้ควบทั้งกำกับฯ และลงแสดงเอง
วันนี้สาวอุ้มมาเปิดใจถึงการแสดงที่ร่วมงานกับ ‘หม่ำ จ๊กมก’ รวมถึง 2 พระเอกนักร้อง เลือดอีสาน ‘โตโน่’ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ และ ‘ครูเต้ย’ อภิวัฒน์ บุญเอนก พร้อมกับอัพเดตสถานะหัวใจให้ฟัง
ในเรื่อง “ส้ม ปลา น้อย” บทเป็นอย่างไร?
อุ้ม – “ในเรื่องรับบทส้ม เป็นแม่ค้าส้มตำสุดแซ่บในยโสธร เป็นเรื่องราวความรักวุ่นๆ เป็นรักสามเส้า จะได้เห็นความทุ่มเทของผู้ชาย 2 คนกับผู้หญิงคนที่แบบว่ายังไงดี ผู้หญิงคนนี้เหมือนเป็นตัวแทนคนเป็นแฟนคลับของพี่โตโน่ พี่เต้ย เลือกไม่ถูก”
เล่นเป็นแม่ค้าส้มตำ เราต้องปากแซ่บขนาดไหน?
อุ้ม – “เขาเป็นแม่ค้าผู้หญิงใช่ไหมคะ จะมีลูกค้าหนุ่มๆ มาแซว ความแข็งแกร่งของส้มคือสามารถจัดการผู้ชายได้ ส้มเป็นสาวเปรี้ยวซ่า พร้อมหาเรื่อง ผู้ชายมาก็พร้อมเอาครก เอาสากฟาด พร้อมลุย”
ความยากในเรื่องนี้ล่ะ?
อุ้ม – “อุ้มเป็นคนอุดรฯ อยู่แล้ว ก็พูดได้อยู่แล้ว เรื่องภาษาอีสานไม่ได้ยากอะไร แต่เรื่อง ที่ยากที่สุด เป็นการเข้าฉากกับพี่หม่ำ พี่สิน (สายสิน วงษ์คำเหลา) ทุกคนคือหนูกลั้นขำไม่ไหว บางทีเกิน 5 เทก บอกเลยว่าบทที่มาเป็นเล่มๆ แต่ละซีนเราอ่านเพื่อเอาโครงเท่านั้น ส่วนใหญ่พี่หม่ำอิมโพรไวส์ ต้องตั้งสติดีๆ ต้องอดทนกลั้นขำไว้ให้ได้”
“คือในเรื่องเล่นกับนักแสดงคนอื่นเราก็เล่นตามบทที่มีมา แต่เมื่อไหร่ที่มีพวกพี่หม่ำ พี่หม่ำจะมีมุขใหม่ๆ มาให้ตลอด เทกแรกเล่นไม่ได้ หลุดขำ เทกที่ 2 ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เทกอีก ก็เล่นไม่เหมือนเดิม คุณต้องกลั้นขำให้ได้ หลุดกันเป็นเรื่องปกติ”
ความสนุกของหนังเรื่องนี้?
อุ้ม – “อุ้มว่าเป็นความน่ารักของทั้งหมู่บ้านนะ ที่ยโสธร ตอนที่ไปถ่าย มีโอกาสไปถ่ายได้ไม่กี่คิว แต่ประทับใจจริงๆ ส้มตำแซ่บมาก แล้วในเรื่องนี้จะได้เห็นความน่ารักของนักแสดงทุกคน จะได้เห็นความอบอุ่น และรอยยิ้มจากเรื่องนี้แน่ๆ คิดว่าทุกคนที่มาดูก็จะได้รอยยิ้มกลับไปค่ะ”
ในเรื่องเล่นเป็นแม่ค่าส้มตำ เรื่องจริงก็ต้องตำได้?
อุ้ม – “(หัวเราะ) ตำได้แต่กินไม่ได้ หนูไม่ใช่คนที่ทำอาหารอร่อย ที่ตำในฉากก็ไม่กล้าชิมเหมือนกัน เพราะว่าตอนที่ถ่ายมันหลายเทก มันก็จะเละๆ หน่อย เลยยังไม่เคยกินฝีมือตัวเอง แล้วในกองพี่หม่ำจะเป็นมือตำ แล้วตำแซ่บมาก เราก็เลยไม่กล้าเทียบ”
เล่นกับโตโน่ และครูเต้ย เป็นอย่างไรบ้าง?
อุ้ม – “พี่โน่น่ารักมาก แต่ด้วยความที่เราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน เราก็จะเกร็งๆ แล้วเราไม่ได้ทำเวิร์กช็อปกันก่อน มาเจอก็ถ่ายทำเลย แต่พี่โน่มีวิธีการที่เข้าหาน้องๆ เขาก็จะมีเกมมาชวนเล่นชวนคุย หนูไม่คิดว่าเขาจะเล่นได้กวนขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าเราคงต้องค่อยๆ ปรับตัวเข้าหา คิดว่าน่าจะ 1-2 คิว ถึงจะจูนกันได้ แต่นี่คิวแรกเราก็จูนกันได้แล้ว ทำงานกับพี่โน่ง่ายมากๆ ค่ะ”
“ส่วนครูเต้ยเขาเป็นคนขี้อาย ในคิวแรกๆ ที่เจอกันเขาก็จะอาย ด้วยความที่เป็นหนัง แล้วครูเต้ย เขาจะเป็นสายคอนเสิร์ตเขาจะไม่เขินเวลาอยู่หน้าเวที แต่เวลาอยู่หน้าเซ็ตเขาจะเขิน คือถ้าครูเต้ยต้องมาเจอพี่โน่และพี่หม่ำ ก็จะมาในรูปแบบเจี๋ยมเจี้ยม แต่จริงๆ แล้วเขากวน เขาจะมีความแสบของเขาอยู่ แล้วในเรื่องครูเต้ย เขาจะมาแบบชัดเจนจริงใจ มาหาให้เรารู้เลยว่าเขาจีบ คนนี้เขาชอบปุ๊บเขาก็ลุยเลย แล้วก็มาบอกตรงๆ เลยว่าจีบ ชอบ ถ้าใครชอบแนวแบบตรงๆ เทกแคร์ต้องแนวครูเต้ย คนดูหนังเรื่องนี้จะแบ่งเป็นสองทีม ในเรื่องนี้มีดราม่าเข้ามานิดหน่อย แต่ว่าจะเป็นดราม่าที่ยังขำอยู่”
ความน่ารักในเรื่องนี้มีอะไรบ้าง?
อุ้ม – “เนื่องจากคาแร็กเตอร์ของผู้ชาย 2 คนที่เข้ามาจีบเรา มันต่างกัน คนนึงเป็นหนุ่มเมืองกรุงที่ใส่สูทตลอดเวลา เนี้ยบ สุภาพ น่ารัก อีกคนมาเป็นแนวเพื่อน เขาจะเอาข้าวจี่รูปหัวใจมาให้ทุกวัน เป็นความใส่ใจอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นความน่ารักที่คนดูก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน สวยเลยในเรื่อง ผู้ชายแย่งกันสองคน”
เคยเล่นแต่ดราม่า พอมาเล่นคอมเมดี้เป็นอย่างไรบ้าง?
อุ้ม – “มันสุดขั้วไปเลย ตอนแรกอุ้มอยากเล่นแนวคอมเมดี้ แล้วด้วยความที่ได้พูดอีสานด้วย เราก็รับเลย แต่ไม่คิดว่าคอมเมดี้มันจะยากขนาดนี้ รู้แหละว่า คอมเมดี้มันยาก แต่ไม่คิดว่าการกลั้นขำมันจะยาก ขนาดนี้ แต่สนุกมาก บรรยากาศมันจะสนุกเหมือนหน้าหนังที่ทุกคนได้เห็นเลย ที่รับเล่นเรื่องนี้ อย่างแรกคือได้พูดภาษาอีสาน ตั้งแต่เล่นหนังเล่นละครมา ไม่มีเรื่องไหนได้พูดอีสานเลย จนมาเรื่องนี้ ให้เราพูดอีสาน แล้วได้มาเล่นกับพี่หม่ำ ครูเต้ย และพี่โตโน่ คิดว่ามันน่าจะสนุกก็เลยรับเลย สนุกสมกับที่คาดหวังไว้”
เป็นหนังเรื่องที่เท่าไหร่ของเราแล้ว?
อุ้ม – “เรื่องที่ 3 ค่ะและก็มีหนังสั้นอีก 1 เรื่อง แต่เรื่องนี้รับรองว่าแตกต่างจากงานแสดงของอุ้มที่ผ่านมาแน่นอน ก็ฝากหนังเรื่องนี้ด้วย เข้า 30 ธ.ค.นี้แล้ว อยากให้ทุกคนได้ดู รับรองว่าคุณจะได้รอยยิ้มกลับไปแน่นอนค่ะ”
นอกจากนี้มีงานแสดงอะไรอีกไหม?
อุ้ม – “อุ้มมีละครค่ะ อุ้มเซ็นสัญญากับช่อง 3 ตอนนี้ที่ถ่ายจบไปแล้วคือเรื่อง ภูตแม่น้ำโขง กับเรื่อง เก็บแผ่นดิน เป็นดราม่าเลย ภูตแม่น้ำโขงเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ แล้วก็ได้พูดภาษาอีสานเหมือนกัน ที่ถ่ายตอนนี้ก็มีเรื่อง อ้ายข่อยฮักเจ้า ก็จะได้พูดอีสานอีกแล้ว”
กลับมาถ่ายละครอีกรอบหลังจากหยุดไปเป็นอย่างไรบ้าง?
อุ้ม – “หยุดเต็มๆ ครึ่งปี พอกลับมาก็เริ่มถ่าย ตอนนี้ทุกคนก็เร่งถ่ายมากๆ พอสถานการณ์โควิดมันเริ่มดีขึ้น ทุกคนก็กลับมาทำงาน แต่เราสว็อบบ่อยมาก ทุก 3 วัน จมูกไม่รู้เป็นยังไงบ้าง (หัวเราะ) ส่วนงานอื่นๆก็กำลังทำช่องของตัวเองทางยูทูบ คิดว่าไม่ปลายปีนี้ ก็เป็นต้นปีหน้าที่จะปล่อยออกมา เรารู้สึกว่าทุกคนก็ทำ แล้วตอนนี้เรายังพอมีคิวว่าง เราก็อยากทำยูทูบบ้าง เป็นเรื่องชีวิตของเรา”
เราเซ็นสัญญากับช่อง 3 นานหรือยัง?
อุ้ม – “นานแล้วค่ะ ตั้งแต่ก่อนเล่นเรื่อง ฉลาดเกมส์โกง ทุกคนเลยจะจำอุ้มจากฉลาดเกมส์โกง แต่จริงๆ ก็อยู่กับช่อง 3 ค่ะ มีงานเข้ามาเรื่อยๆแบบนี้ก็แฮปปี้ค่ะ ยังไม่คิดไปไหน”
ความรักบ้าง?
อุ้ม – “ยังไม่มีเลยจริงๆ ค่ะ (หัวเราะ) คืออุ้มเพิ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ด้วยว่าอุ้มจบช้ากว่าเพื่อน เพราะว่าเราก็มีดร็อปเรียนไปบ้าง เพราะติดงานมันก็มีความวุ่น เพราะว่าตอนนั้นถ่ายละคร 2 เรื่อง บวกกับทำธีซิส เลยไม่ได้เจอใคร เจอแต่คนเดิม เลยกลายเป็นเพื่อนกันหมดแล้ว อันนี้เรื่องจริงนะ อุ้มไม่ได้ปิดอะไร ไม่โกหกด้วย เพราะว่าไม่มีมาจีบจริงๆ”
หนุ่มในวงการไม่มีใครมาจีบบ้างเลยเหรอ?
อุ้ม – “ในวงการที่สนิทจริงๆ น่าจะเป็นพี่ไม้ วฤษฏิ์ เพราะเราเล่นละครด้วยกันมา 3 เรื่อง แฟนคลับก็เชียร์กัน มันก็ไม่ได้พัฒนา ด้วยความที่เล่นละครด้วยกัน 3 เรื่อง มันก็เลยสนิทกันไปโดยอัตโนมัติ ส่วนอนาคตก็ไม่กล้ารับปากว่ามันจะพัฒนาได้หรือไม่ได้ แต่ตอนนี้เป็นพี่น้องกันจริงๆ”
พี่ไม้ ไม่ได้หนีเราไปแล้วใช่ไหม
อุ้ม – “(หัวเราะ) ตอนนี้พี่ไม้เป็นนักแสดงอิสระแล้ว หลังจากนี้คงไม่ได้มีละครด้วยกันสักเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเล่นด้วยอีกไหม แต่เราก็ยังเจอกันอยู่ ล่าสุดยังนัดไปทริปถ่ายรูปกันอยู่เลยค่ะ”
อนงค์ จันทร