หลังจากมีประเด็นดราม่าร้อน! อุโมงค์น้ำเชียงใหม่ปิดแล้ว ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเข้าใจผิดว่าสามารถเล่นได้ เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบพร้อมติดป้ายประกาศให้ทั่วถึง
จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่มีภาพนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและคนไทย ที่ได้ไปตัวกันเล่นน้ำสงกรานต์ที่บริเวณประตูท่าแพ ซึ่งในบริเวณดังกล่าวได้มีการจัดกิจกรรมอุโมงค์น้ำ ซึ่งมีการเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทั้งที่เชียงใหม่ปีนี้ยังคงประกาศงดเล่นสาดน้ำสงกรานต์ในพื้นที่สาธารณะทุกแห่ง ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
โดยเมื่อวานนี้ในช่วงเวลาตอนเย็นของวันที่ (13 เม.ย. 65) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายหมวดตรีนาขวัญ อนันชัย ผู้บัญชาการกองร้อยอาสารักษาดินแดน จังหวัดเชียงใหม่ ที่ 1 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ควบคุมและติดตาม ความเรียบร้อยช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 37/2565 เรื่อง มาตรการจัดงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
โดยในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่บริเวณประตูท่าแพ พบนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก เล่นสาดน้ำกันตามบริเวณคูเมืองรอบประตูท่าแพ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ห้ามปราม พร้อมกับตักเตือนให้งดการเล่นสาดน้ำ โดยได้สร้างความเข้าใจร่วมกันกับนักท่องเที่ยว ถึงมาตรการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อป้องกันการแพร่บาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เน้นย้ำให้สถานประกอบการบริเวณรอบคูเมือง ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการการแพร่ระบาดโควิด -19 โดยให้มีการประเมินตนเองตามมาตรการ COVID – Free Setting พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่มาใช้บริการจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม หรือมีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR แสดงต่อพนักงานก่อนเข้ารับบริการ นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ผู้ประกอบการปิดร้านตามเวลาที่กำหนด หากพบว่ามีการฝ่าฝืนคำสั่งจะดำเนินการตามกฏหมายกับสถานประกอบการทันที
ซึ่งล่าสุดทางเพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้มีการโพสต์อัพเดทข้อมูลถึงกิจกรรมอุโมงค์น้ำแห่งนี้ว่า “มีการแจ้งไปยังเทศบาลนครเชียงใหม่ หยุดการเปิดน้ำที่ซุ้มน้ำ หรืออุโมงค์น้ำ ที่ข่วงประตูท่าแพ เพราะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดคิดว่าให้เล่นน้ำสาดน้ำกันได้ และให้มีการขึ้นป้ายประกาศตามจุดต่างๆ ทั้งภาษาไทย อังกฤษ จีน ให้ชัดเจน เรื่องการห้ามฯ”