อุทาหรณ์ สาวรับงานเสริม จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก สุดท้ายโดนโกงเกือบล้าน

Home » อุทาหรณ์ สาวรับงานเสริม จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก สุดท้ายโดนโกงเกือบล้าน

อุทาหรณ์ สาวแชร์ประสบการณ์รับงานเสริม ‘จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก‘ แรก ๆ ปกติ สุดท้ายโดนนายหน้าโกง เสียหายเกือบล้าน

ใกล้ปีใหม่แบบนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงมีแพลนที่จะไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือไม่ก็ไปต่างประเทศ แต่ยิ่งใกล้ปีใหม่ ก็ยิ่งตั๋วแพง เลยมีบางคนใช้โอกาสเหล่านี้ในการช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้ และได้ในราคาถูก ทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่เสี่ยงถูกโกง

ครูถึงกับท้อ! ส่งเด็ก 3 คน ไปแข่งปั้นดินน้ำมัน ตอนซ้อมอย่างดี แข่งจริงทำไมเป็นงี้?

สาวเสียรู้! เจอตำรวจยศสูงหลอกชิ่งเงิน 8 หมื่น แถมท้องแล้วบังคับทำแท้ง

เช็กก่อนใช้! เคาะค่าผ่านทาง มอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช รวม9ด่าน

ล่าสุดได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ หลังไปรับงานเสริม จองตั๋วเครื่องบินให้ในราคาถูก แต่สุดท้ายโดยนายหน้าโกงเงิน เสียเงินกว่า 8 แสนบาท โดยเจ้าตัวระบุว่า “สวัสดีค่ะ … วันนี้ขอมาแชร์ประสบการณ์จากการ “โดนโกงเกือบล้าน” เริ่มจากการอยากหารายได้เสริมเพื่อที่จะมาไถ่ถอนที่ที่ติดจำนองให้กับทางบ้าน ตลอดเวลาก็คิดว่าจะทำอะไรดี?!?

ไม่ใช่งานที่ทำอยู่ไม่ดี หรือเงินเดือนน้อย งานดีมาก รายได้ดี และมีตำแหน่งงานที่ดี แต่ด้วยความที่พื้นฐานทางบ้านที่จนมากๆ มีภาระมาก จึงจะคิดวิธีหาทางสร้างรายได้เสริมมาโดยตลอด

จนกระทั้งวันหนึ่งที่จะต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ เลยพยายามช่วยบริษัทหาตั๋วราคาถูก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ จนไปเจอเฟซบุ๊คเพจหนึ่งที่มีสมาชิกเกือบแสนคน ที่สมาชิกมีไว้ซื้อ-ขายตั๋วเครื่องบิน เราเองก็ได้ไปโพสต์หาตั๋วไป-กลับสิงคโปร์ 2 ที่ จนมีคุณ P (นามสมมุติ) ติดต่อเข้ามาทางข้อความเพื่อเสนอราคาตั๋วที่ถูกมาก ๆ ประมาณ 10-20%จากราคาหน้าเว็บ

ก่อนที่เราจะตกลงซื้อ – ขาย ก็มีการเช็คประวัติแล้วก็ไม่พบว่ามีประวัติโกง หรือติดแบล็คลิสแต่อย่างใด เมื่อทำการชำระเงินเสร็จ ไม่นานก็ได้บุ๊คกิ้ง ซึ่งเราก็เช็คสถานะที่หน้าเว็บของสายการบินทันทีก็มีบุ๊คกิ้งคอนเฟิร์มตามปกติ หลังจากนั้นก็มีการแนะนำให้เพื่อนมาจองตั๋วด้วย 2 – 3 ท่าน ก็สามารถเดินทางได้ปกติดี รวมถึงตั๋วของเราเองด้วย

จึงมีความคิดว่าถ้าเราหาลูกค้าล่ะ กินกำไรส่วนต่างสัก 5-10% จึงติดต่อไปทางคุณ P ว่าถ้าหาลูกค้ามาให้จะลดได้มากสุดเท่าไร จึงได้รับข้อเสนอมาว่า 30% ทางเราจึงมองเห็นว่าหากขายให้ลูกค้าต่อ เราสามารถทำกำไรได้ 10-20% เลยทีเดียว ความโลภจึงบังเกิดขึ้น เราเริ่มหาลูกค้าจากการโพสต์เสนอในกลุ่มท่องเที่ยวต่าง ๆ เริ่มมีลูกค้าติดต่อเข้ามา และเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอบแทบไม่ทัน

ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ได้ทำงานเสริมนี้ ลูกค้าได้รับตั๋วและเดินทางได้ปกติ หลายท่านกลับมารีวิว หลายท่านกลับมาขอบคุณ จนกระทั้งวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา มีลูกค้าจะเดินทางจากเชียงใหม่-กรุงเทพ เพื่อเดินทางต่อไปต่างประเทศกำลังเช็คอินที่เคาท์เตอร์ของสายการบินหนึ่ง โทรมาหาเราว่าไม่พบบุ๊คกิ้งของเขาอยู่ในระบบ ณ ตอนนั้นทางเรารู้สึกงงและโกรธทางสายการบินมากว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อทางเรามีการเลื่อนไฟล์ทบินและจ่ายค่าดำเนินการเรียบร้อยแล้ว แต่ ณ วินาทีนั้นทำอะไรไม่ได้ ไม่งั้นลูกค้าจะตกเครื่องที่จะไปเกาหลีด้วย เลยตัดสินใจซื้อตั๋วให้ลูกค้าใหม่

วันถัดมามีลูกค้า 7 ท่านที่บุ๊คตั๋วไป-กลับกับเราไว้กำลังจะเดินทางกลับจากดานัง-ดอนเมือง ทำการเช็คอินและผ่าน ตม. เรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายทางสายการบิน AA ไม่ให้ขึ้นเครื่องเนื่องจากพบว่ามีการทำทุจริตเกิดขึ้นของตั๋ว ณ ตอนนั้นทางเราก็ยังไม่เข้าใจว่าสาเหตุมันคืออะไรแน่ เพราะขาไปก็ปกติดี และทางสายการบินก็ไม่ได้ให้คำตอบที่แน่นอน แจ้งแค่ให้ติดต่อเอเย่นต์ที่ออกตั๋วให้อย่างเดียว

สำหรับตั๋วนี้ทางเราก็ต้องซื้อตั๋วใหม่ให้ลูกค้าไปอีกเช่นเคย หลังจากนั้นปรางก็แจ้งไปยังคุณ P ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนะ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรให้แจ้งยอดมาว่าซื้อตั๋วใหม่ไปเท่าไร และเขาก็โอนมาให้เราจริง

จนวันที่ 3-4 เคสเริ่มเยอะขึ้นและเป็นตั๋วต่างประเทศที่มีราคาสูงทั้งนั้น เราเริ่มไล่เช็คบุ๊คกิ้งให้ลูกค้า พบว่ามีหลุดในช่วงวันที่ 2-4 พย. ทราบสาเหตุคือทางเอเย่นต์ที่คาดว่าคุณ P ไปบุ๊คตั๋วต่อได้ทำการรีฟันเงินคืน หรือบางบุ๊คกิ้งก็ไม่ได้ชำระเงินตามกำหนดเลยทำให้บุ๊คกิ้งเด้งออกจากระบบของสายการบิน

ณ ตอนนั้นปรางยังพยายามหาตั๋วใหม่และแจ้งให้ลูกทราบถึงสาเหตุ และยังไม่อยากคิดว่า คุณ P เป็นผู้รู้เห็นจากการโกงครั้งนี้ จน ณ วันที่ตื่นขึ้นมา คาดหวังว่าเขาจะโอนเงินให้ 1 แสนให้ เพื่อเอาไปซื้อตั๋วใหม่ลูกค้า กับไม่พบยอดและพบว่าเขาบล็อกเฟสบุ๊คเราไป…

ช็อคมาก ทำอะไรไม่ถูก แทบจะไม่มีแรงไปทำงาน ได้แค่คิดว่าจะต้องทำยังไงต่อ จะพูดกับลูกค้าอย่างไร จะโดนลูกค้าแจ้งความจับมั้ย ไม่กล้าบอกใคร พยายามเอาเงินเก็บประมาณ 3 แสน มาบุ๊คตั๋วใหม่ให้ลูกค้า จนกระทั้งเงินเก็บหมด ต้องไปยืมเพื่อนมา 1.5 แสน และเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเงินที่เพื่อนให้ยืมมาก็หมดไป เริ่มกด-รูดบัตรมาอีกประมาณเกือบ 1 แสน และก็เริ่มตัน กลางคืนนอนร้องไห้คิดถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย เพราะความฝันที่จะมีเงินไปไถ่ที่ให้กับพ่อแม่สลายไปหมดแล้ว ทั้งยังมีหนี้เพิ่มขึ้น จนสุดท้ายต้องโทรไปหานายคนที่คอยช่วยเหลือมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม และจนสุดต้องยืมเงินบริษัทมาแก้ปัญหานี้กว่า 3 แสน”