อื้ออึง! อภัยโทษ ‘เจ้าชายซัมซุง’ ปราศจากมลทินมัวหมอง สามารถทำงานได้ตามปกติ ขอช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจเกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. เอเอฟพีรายงานว่า นายลี เจยอง อายุ 54 ปี ทายาทผู้สืบทอดกิจการ ซัมซุง กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอันดับหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้และบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีชื่อก้องโลก หรือรู้จักกันในนามว่า “เจ้าชายซัมซุง” ได้รับอภัยโทษอย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดียูน ซุกยอล ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ ซึ่งให้เหตุผลว่าต้องการให้กลับเข้าทำงานเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติ
การตัดสินใจอภัยโทษที่เกิดขึ้นของประธานาธิบดียูนที่กำลังมีคะแนนนิยมลดลงหลังเพิ่งรับตำแหน่งเมื่อเดือนพ.ค. สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วสังคมเกาหลีใต้ พร้อมเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านายทุนธุรกิจยักษ์ใหญ่นั้นอยู่เหนือกฎหมายหรือไม่ หลังนายลีถูกเพิ่งตัดสินโทษจำคุกจากความผิดฐานติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐและฟอกเงินไปในเดือนม.ค. 2564 แต่ต่อมาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเดือนส.ค.
รวมเวลาที่ถูกจองจำตลอดการถูกกล่าวหาและต่อสู้คดีจนกระทั่งได้รับโทษเพียง 18 เดือน (ครึ่งเดียวของที่พิพากษา) โดยหลังการปล่อยตัวชั่วคราว นายลีไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานมีรายได้เป็นเวลา 5 ปี แม้จะยังมีตำแหน่งเป็นรองประธานบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ผู้พัฒนาสมาร์ตโฟนที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของโลก ส่วนแถลงการณ์ของนายลี ระบุว่า จะเดินหน้ามีส่วนร่วมต่อเศรษฐกิจของชาติด้วยการลงทุนเพื่อสร้างงานให้กับคนหนุ่มสาว
นายฮัน ดงฮูน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การอภัยโทษจะส่งผลให้นายลีพ้นโทษที่ติดตัวอยู่และสามารถกลับเข้าทำงานได้ตามปกติเพื่อมอบโอกาสให้นายลีได้ใช้ความรู้ความสามารถและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศชาติ
“เนื่องด้วยวิกฤตเศรษฐกิจโลกกำลังส่งผลกระทบให้ความรุ่งเรืองของเศรษฐกิจเกาหลีใต้อยู่ในภาวะเสื่อมถอย โดยความเสื่อมถอยที่กำลังเกิดขึ้นนั้นคาดว่าจะเป็นการถดถอยในระยะยาว คำสั่งอภัยโทษที่มอบให้นายลี รวมถึงนักบริหารธุรกิจชั้นนำอีกหลายคนเป็นไปเพื่อให้บุคคลเหล่านี้ได้ใช้โอกาสเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตของชาติผ่านการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีและการสร้างงาน” แถลงการณ์กระทรวงยุติธรรมระบุ
ทั้งนี้ นักธุรกิจชั้นนำอีกคนที่ได้รับอภัยโทษจากผู้นำเกาหลีใต้พร้อมกับนายลี อาทิ นายชิน ดงบิน ประธานธุรกิจ ล็อตเต้ กรุ๊ป ที่ถูกพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปีครึ่งแต่ให้รอลงอาญาในความผิดฐานติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐเมื่อปี 2561 นอกจากนี้ ยังมีนักโทษที่อยู่ในอาการป่วยระยะสุดท้ายอีก 1,693 คน ได้รับอภัยโทษด้วย