อีลอน มัสก์ “เงียบกริบ” หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์ 17 ล้านเสียงโหวตให้ลาออก

Home » อีลอน มัสก์ “เงียบกริบ” หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์ 17 ล้านเสียงโหวตให้ลาออก


อีลอน มัสก์ “เงียบกริบ” หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์ 17 ล้านเสียงโหวตให้ลาออก

อีลอน มัสก์ “เงียบกริบ” หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์ 17 ล้านเสียงโหวตให้ลาออก

นิวยอร์กไทมส์ รายงานความคืบหน้าหลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทวิตเตอร์ เปิดโหวตให้ผู้ใช้ทวิตเตอร์เลือกว่าตนควรลาอออกจากตำแหน่งผู้บริหารทวิตเตอร์หรือไม่เมื่อวันอาทิตย์ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า มีผู้ใช้งานทวิตเตอร์มากกว่า 17 ล้านคน ร่วมโหวตและเสียงข้างมากที่ร้อยละ 57.5 เลือกให้นายมัสก์ลาออกจากตำแหน่ง โดยนายมัสก์โพสต์ตอบกลับทวีตว่า “ไม่มีใครต้องการงานที่สามารถรักษาทวิตเตอร์ให้คงอยู่ได้ และไม่มีผู้สืบทอด

Musk looked set to step down from the top job at Twitter after the results of his poll, but he has now said only Twitter Blue subscribers can vote in future. Photograph: Yui Mok/PA

รายงานระบุว่าก่อนที่นายมัสก์จะเปิดโหวตล่าสุดนั้น ทวิตเตอร์ได้ประกาศข้อกำหนดใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานโปรโมตตัวเองผ่านการแชร์ลิงก์จากแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์นอกเหนือจากทวิตเตอร์ อย่าง อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และมาสโทดอน แต่ข้อกำหนดดังกล่าวถูกยกเลิกภายในวันเดียวกัน หลังจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้ทวิตเตอร์ซึ่งนายมัสก์กล่าวว่า “จากนี้ไปจะมีการลงคะแนนเสียงสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ ขอโทษด้วย จะไม่เกิดขึ้นอีก”

อย่างไรก็ตาม การกระทำล่าสุดของนายมัสก์กับทวิตเตอร์คือ “ฟางเส้นสุดท้าย” ของนายพอล เกรแฮม ผู้ก่อตั้งวายคอมบิเนเตอร์ บริษัทสตาร์ทอัพที่สนับสนุนนายมัสก์ ซึ่งทวีตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า “ฉันยอมแพ้แล้ว คุณสามารถค้นหาลิงก์ไปยังโปรไฟล์ ในมาสโทดอนใหม่ของฉันได้บนเว็บไซต์ของฉัน เนื่องจากบัญชีทวิตเตอร์ของฉันถูกระงับชั่วคราว

ก่อนหน้านี้นายมัสก์ทุ่มเงินซื้อกิจการทวิตเตอร์มูลค่าสูงถึง 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 1.4 ล้านล้านบาท) เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีการปรับลดพนักงานเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง รวมถึงรายได้จากโฆษณาลดลงเพิ่มค่าบริการสำหรับผู้ใช้งานทวิตเตอร์บลู ฟีเจอร์เครื่องหมายถูกสีฟ้าหรือบลูมาร์กตามหลังชื่อบัญชีสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ใน และนายมัสก์เลิกระงับบัญชีทวิตเตอร์ของผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์ ซีเอ็นเอ็น และวอชิงตันดีซีโพสต์ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าแชร์ข้อมูลตำแหน่งเกี่ยวกับตัวเขา หลังจากที่สหภาพยุโรป (อียู) และสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่าการระงับบัญชีถือเป็นการโจมตีเสรีภาพสื่อ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ