อียูจ่อตรึง “น้ำมันรัสเซีย” หลายฝ่ายหวั่น “ปูติน” ยัวะระงับส่งออก-ทำราคาพุ่งอีก
วันที่ 2 ธ.ค. เอพีรายงานว่า สหภาพยุโรป (อียู) เตรียมตรึงราคาน้ำมันดิบของรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,080 บาท) ต่อบาร์เรล เพื่อผลักดันให้รัสเซียส่งน้ำมันหมุนเวียนเข้าสู่ตลาดโลก และต้องจำกัดรายได้ที่จะเป็นเงินทุนในการทำสงครามของ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียด้วย ขณะเดียวกันแหล่งข่าวทางการทูตระบุว่าชาติสมาชิกอียูกำลังรอการบรรลุข้อตกลงของโปแลนด์ที่พยายามตรึงราคาน้ำมันรัสเซียให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้
ข้อเสนอล่าสุดที่ได้รับการยืนยันจากผู้แทนทางการทูต 3 คนของอียู เกิดขึ้นก่อนถึงกำหนดเส้นตายการลดราคาน้ำมันในวันจันทร์ที่ 5 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยราคาน้ำมันดิบที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลนั้นใกล้เคียงกับราคาน้ำมันดิบของรัสเซียในปัจจุบัน ซึ่งปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคา 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำมันรัสเซียในตลาดโลกกะทันหันจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
นอกจากนี้ยังถือเป็นส่วนลดครั้งใหญ่สำหรับราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ (Brent) ซึ่งอยู่ที่ 87 ดอลาร์สหรัฐ (ราว 3,027 บาท) ต่อบาร์เรลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ธ.ค. แต่ราคายังสูงพอที่จะกระตุ้นให้รัสเซียขายน้ำมันต่อเนื่อง แม้จะแสดงท่าทีไม่พอใจต่อข้อเสนอตรึงเพดานราคาน้ำมันก็ตาม
ทั้งนี้ น้ำมันเป็นรายได้หลักของรัสเซีย แม้จะมีมาตรการห้ามส่งออก คว่ำบาตร และอายัดทรัพย์สินของธนาคารกลางจากการก่อสงครามในยูเครน แต่เศรษฐกิจรัสเซียยังดำเนินต่อไปได้และสามารถส่งออกน้ำมันราว 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับความเสี่ยงในการตั้งเพดานราคาน้ำมันนั้นอาจส่งผลต่อการจัดหาน้ำมันทั่วโลก หากรัสเซียตอบโต้ด้วยการระงับการส่งออกน้ำมันก็จะทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีปูตินยืนกรานว่ารัสเซียจะไม่ขายน้ำมันต่ำกว่าเพดานราคาน้ำมัน และจะตอบโต้ประเทศต่างๆ ที่ใช้มาตรการนี้
นายโรบิน บรูคส์ หัวหน้านักเศรษศาสตร์ของสถาบันการเงินระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน สหรัฐ กล่าวว่า การตั้งเพดานราคาน้ำมันควรถูกนำมาใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นราคาน้ำมันอยู่ที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,175 บาท) ต่อบาร์เรล ก่อนลดลงอย่างต่อเนื่องและมาตรการดังกล่าวอาจไม่เป็นผลหากนำมาใช้ตอนนี้
ด้าน นายสตีฟ มนูชิน อดีตรัฐมนตรีคลังของสหรัฐ กล่าวว่า การกำหนดเพดานราคาน้ำมันสูงสุดไม่เพียงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ยังเป็นข้อเสนอที่ไร้สาระ ส่วน นางราเชล เซียมบา ผู้ช่วยอาวุโสประจำศูนย์ความปลอดภัยใหม่ในสหรัฐ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือรัสเซียระงับการส่งออกน้ำมันทั่วโลกซึ่งอาจส่งผลให้การส่งออกก๊าซธรรมชาติลดลงเช่นกัน ตอนนี้ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กำลังเร่งการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นและเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป