จากกรณีมีผู้เสียหาย ท่านหนึ่งได้โพสต์เผยแพร่คลิปภาพเหตุการณ์ คนขับแท็กซี่คู่กรณีโชว์สนับมือ และด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ขณะขับรถอยู่บนถนนรัชดาภิเษก ช่วงห้าง The Street กำลังข้ามแยกไฟแดง ลงในโลกโซเชียล
วันนี้ (1 ก.ค.2567) ทางทีมงานจึงได้เดินทางมายัง สน.ห้วยขวาง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยเข้าพบ พันตำรวจเอก ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เบื้องต้นจากการสอบถาม พ.ต.อ.ประสพโชค เปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบ กรณีที่เกิดขึ้นผ่านสื่อมวลชนจึงได้สั่งการให้ตำรวจสืบสวนเร่งรวบรวมข้อมูล จนสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิดและตัวผู้เสียหายได้แล้ว ซึ่งฝั่งผู้เสียหาย เบื้องต้นพบว่า ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี แต่ได้ประสานเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ในช่วงค่ำของวันนี้ ผู้เสียหายจะเข้ามาให้ปากคำและอาจจะแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนต่อไป
ส่วนฝั่งผู้ก่อเหตุนั้น ทางฝ่ายสืบสวนได้แจ้งให้เข้ามาพบตำรวจ สน.ห้วยขวาง เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจค้นรถพบแต่เพียงสนับมือซึ่งถือว่าเป็นอาวุธชนิดหนึ่งและตรวจไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แท็กซี่ผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด
ทั้งนี้ฝั่ง ผู้ก่อเหตุ ให้การอ้างว่า เกิดการขับรถปาดหน้ากันไปมา จนกระทบกระทั่งกันบนท้องถนนตลอดเส้นรัชดาภิเษก ก่อนจะมาเกิดเหตุที่บริเวณแยก The Street ตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่งทางผู้ก่อเหตุก็ยอมรับว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง แต่อ้างว่าฝั่งผู้เสียหายเป็นคนขับรถปาดหน้าตนก่อน จึงเกิดอารมณ์ร้อนและชูสนับมือขึ้นมาเพื่อข่มขู่ ส่วนสนับมืออันดังกล่าว ผู้ก่อเหตุอ้างว่าไม่ใช่ของตน แต่เป็นของผู้โดยสารที่ทำตกเอาไว้ในรถ
โดยเบื้องต้น ได้บันทึกคำให้การของฝั่งผู้ก่อเหตุเอาไว้แล้ว เพื่อรอคำให้การฝั่งผู้เสียหายอย่างละเอียดก่อน รวมทั้งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไล่ภาพวงจรปิดตลอดทั้งเส้นถนนรัชดาภิเษกอย่างละเอียด เพื่อนำมาประกอบข้อเท็จจริง จึงยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งข้อหาดำเนินคดีใด ๆ เลยให้ทางผู้ก่อเหตุกลับไปก่อน โดยในส่วนทางแพ่ง อาจจะนัดให้ทางผู้ก่อเหตุมาพูดคุยไกล่เกลี่ยเจรจาทางแพ่งกับผู้เสียหายอีกครั้ง
- ไทยเครียด! ยอด ‘โควิด-19’ พุ่งฉุดไม่อยู่ ป่วย 3.2 พัน เสียชีวิตแล้ว 16 ราย
- แน่นะวิ? ทนายพัช เปิดใจ เจ๊มด ขอให้ช่วยเป็นทนาย ว่าความคดีจ้างวานฆ่า
- ‘บิ๊กโจ๊ก’ ขึ้นศาลหลังไต่สวน ฟ้องหมิ่นฯ ‘บิ๊กเต่า’ เผย! พร้อมเจรจาไกล่เกลี่ย
โดยในส่วนความผิดทางอาญานั้น อาจจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ว่าด้วยการพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และมาตรา 392 ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวตกใจด้วยการขู่เข็ญ ซึ่งทั้งสองความผิดนั้นเป็นความผิดลหุโทษ โดยจะพิจารณาคำให้การของผู้เสียหาย รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ และความประสงค์แจ้งความร้องทุกข์ของผู้เสียหาย ก่อนจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาคนขับแท็กซี่ต่อไป นอกจากนี้ได้ดำเนินการประสานเรื่องไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายขนส่งทางบกกับผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนกรณีที่ผู้เสียหาย โพสต์ตั้งข้อสงสัยว่า จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างไร หากพบกรณีเช่นนี้ จึงอยากจะให้คำแนะนำแก่พี่น้องประชาชนว่า หากพบผู้กระทำความผิดในลักษณะที่เกิดขึ้นตามในข่าว สามารถแจ้งตำรวจท้องที่หรือป้อมตำรวจหรือโทรเบอร์ 191 ก็ได้ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีและสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ยิ่งหากเป็นกรณีรถสาธารณะ ทางตำรวจก็จะส่งเรื่องให้กรมการขนส่งทางบกตรวจสอบหรือผู้เสียหายร้องเรียนไปที่เบอร์สายด่วนกรมการขนส่งทางบก 1584 ก็ได้
ส่วนด้านนาย นายอิง (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับรถแท็กซี่ ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ ว่า วันนั้นตนเพิ่งไปส่งผู้โดยสารที่ย่านทองหล่อ จากนั้นได้ขับรถกลับมา ซึ่งทันทีที่ถึงถนนรัชดาภิเษก คู่กรณีของตนได้ขับรถปาดหน้าตน 2 ครั้ง จนเกือบจะชนรถของตน ทำให้ตนรู้สึกโมโห จึงได้ขับมาเทียบข้าง ก่อนจะลดกระจกลงพร้อมกับด่าทอและโชว์สนับมือขึ้นมาข่มขู่
แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด เพียงแค่ทำไปเพราะรู้สึกโมโหถึงอยากบันดาลโทสะ ส่วนสนับมือที่โชว์นั้นเป็นของลูกค้าที่ทำตกไว้เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ส่งมอบให้ตำรวจยึดไว้เป็นของกลางแล้ว และยืนยันว่าในรถของตนมีเพียงแค่สนับมือเท่านั้น ไม่ได้มีไม้เบสบอลหรืออาวุธอื่นตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง
โดยหลังเกิดเรื่อง และมีการนำเสนอข่าวออกไป ตนจึงอยากจะชี้แจงจึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ และยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนเริ่มหาเรื่องก่อน เพราะตนขับรถแท็กซีรับจ้างมานานกว่า 20 ปี ไม่เคยถูกร้องเรียนเลยสักครั้ง ซึ่งตอนนี้ตอนรู้สึกสำนึกผิดแล้ว อยากจะขอโทษคู่กรณี และขอโทษสังคมที่ตนทำพฤติกรรมแบบนั้นออกไป แต่ถ้าหากคู่กรณีไม่ยอมความที่จะไกล่เกลี่ย ตนก็ยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย