อินโดฯเร่งช่วย กบฎปาปัวเผาเครื่องบินพาณิชย์-จับนักบินกีวี่ตัวประกัน
อินโดฯเร่งช่วย – วันที่ 7 ก.พ. รอยเตอร์รายงานว่า ทางการอินโดนีเซียเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังกองกำลังแบ่งแยกดินแดนปาปัวก่อเหตุเผาทำลายเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กและจับตัวนักบินสัญชาตินิวซีแลนด์ไปเป็นตัวประกันที่จังหวัดปาปัวทางตะวันออกของประเทศ
นายอิกนาเชียส เบนนี อาดี ปราโบโว โฆษกสำนักงานตำรวจปาปัว กล่าวว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกับทหารรุดหน้าไปยังพื้นที่เป้าหมายแล้วเพื่อค้นหาตัวนักบินและผู้โดยสารอีก 5 คน
It was reported that the Pilatus PC-6 plane belonging to SusiAir was set on fire by the Armed Criminal Group (KKB) shortly after landing at Paro Airport, Nduga, Papua, Tuesday, 7 February 2023.https://t.co/KgaKXbBl2W pic.twitter.com/spCokIaq3P
— Roni Sontani (@Roni_Sont) February 7, 2023
อย่างไรก็ดี นายปราโบโว ระบุว่า พื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตเอ็นดูกา สภาพเป็นที่ราบสูงและมีป่าหนาทึบยากต่อการเข้าถึง สามารถเข้าถึงได้ทางเครื่องบินเท่านั้น
ด้านนายเฮอร์มาน ทาร์ยามาน โฆษกกองทัพอินโดฯ เปิดเผยว่า นักบินที่ถูกลักพาตัวไปนั้นทราบชื่อว่า กัปตัน ฟิลิป เมอร์เธนส์ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าผู้โดยสารอีก 5 คน ถูกลักพาตัวไปด้วยหรือไม่ โดยเครื่องบินเล็กลำดังกล่าวลงจอดที่สนามบินท้องถิ่นแต่ถูกกองกำลังติดอาวุธเข้าโจมตี
ต่อมากองกำลังแห่งชาติเพื่อปลดปล่อยปาปัวตะวันตก หรือทีพีเอ็นพีบี ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยจะไม่ยอมปล่อยตัวกัปตันเมอร์เธนส์จนกว่าทางการอินโดฯ จะให้การยอมรับจังหวัดปาปัวว่าเป็นรัฐเอกราช (ส่วนตะวันตกของเกาะนิวกินี)
ทว่า แถลงการณ์ของทีพีเอ็นพีบีไม่ได้ระบุถึงผู้โดยสารบนเครื่องบินลำดังกล่าว ระบุเพียงว่าเป็นครั้งที่สองของกลุ่มที่ตัดสินใจจับตัวประกันนับตั้งแต่ปี 2539
ทั้งนี้ ปาปัวตะวันตกเป็นจังหวัดอยู่ที่ด้านตะวันออกสุดของอินโดฯ ที่เผชิญกับการก่อเหตุโจมตีต่อเนื่องจากกองกำลังแบ่งแยกดินแดน หลังพื้นที่ดังกล่าวตกเป็นของอินโดฯ จากการลงประชามติ Act of Free Choice ในปี 2512 โดยมีสหประชาชาติหรือยูเอ็นเป็นประจักษ์พยาน
การลงประชามติข้างต้นสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้หลายฝ่ายและถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีข้อบกพร่องหลายประการรวมถึงข้อครหาที่ทางการอินโดฯลักลอบแทรกแซงด้วยการบังคับชาวปาปัวมาลงคะแนน โดยการโจมตีรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา
สาเหตุของความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นมาจากการเข้าถึงยุทโธปกรณ์ที่มากขึ้นของกองกำลังแบ่งแยกดินแดนนำไปสู่การโจมตีที่รุนแรงและบ่อยขึ้น อาทิ การบุกโจมตีค่ายทหาร การลักลอบค้าอาวุธชายแดน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของอินโดฯเองที่ลักลอบขายอาวุธของทางการให้ฝ่ายกบฎ
ขณะที่นางซูซี ปุดจิอาสตูติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงประมงของอินโดฯ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสายการบินซูซี ที่รับผิดชอบเครื่องบินเล็กลำดังกล่าว ทวีตว่า ขอภาวนาให้กัปตันเมอร์เธนส์และผู้โดยสารทั้งหมดปลอดภัย