อิงฟ้า ย้อนเล่ามรสุมชีวิตสุดลำบาก ไม่มีเงินซื้อข้าว ท้อหนักเคยคิดสั้น

Home » อิงฟ้า ย้อนเล่ามรสุมชีวิตสุดลำบาก ไม่มีเงินซื้อข้าว ท้อหนักเคยคิดสั้น



อิงฟ้า วราหะ ย้อนเล่ามรสุมชีวิตสุดลำบาก “ไม่มีเงินซื้อข้าว-พ่อตาย-แม่ป่วย” ท้อหนักเคยคิดสั้น ลั่นไม่อยากเชื่อว่าจะมีวันนี้

อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 เข้าของแฮชแท็ก #อิงฟ้ามหาชน ที่วันนี้พลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อได้รับการตอบรับจากแฟนคลับอย่างล้นหลาม พร้อมเล่าเรื่องราวชีวิตที่หลายคนยังไม่รู้ และวินาทีสูญเสียคุณพ่อที่ทำเอาชีวิตเครียดหนักถึงขั้นคิดสั้นมาแล้วหลายครั้ง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี ชมพู่ ก่อนบ่าย และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปแค่ไหน? “หน้ามือเป็นหลังมือเลย จากคนที่ว่างงานมาเยอะในช่วงโควิด ตอนนี้ก็กลายเป็นว่างานแน่นเลย (เรียกว่าแทบไม่ได้นอน?) นอนน้อย แต่นอนนะ”

ตอนนี้มี พ่อยก-แม่ยก สายเปย์มาก ได้อะไรมาบ้าง? “หลักๆ ก็เป็นพวงมาลัยที่เราออกคอนเสิร์ต มีทองคำ แล้วก็ได้ที่ดินด้วย (ถ้าตีเป็นมูลค่าของที่ได้ตอนนี้เท่าไหร่?) โอ้! ถ้าตีคร่าวๆ ก็น่าจะประมาณหลักล้านค่ะ ถามว่ารู้สึกยังไงที่มีคนมาเปย์ให้เยอะขนาดนี้ มันเกินความคาดหมายมากๆ หนูไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่จุดนี้ได้เหมือนกัน ไม่คิดว่าคนที่เขารัก เขาจะซัพพอร์ตเรามากขนาดนี้ มันเยอะมากจริงๆ”

กว่าจะประสบความสำเร็จทุกวันนี้ ย้อนไปช่วงประกวด มีช่วงแอบท้อเยอะเลย? “เยอะมากค่ะ เพราะว่าการเก็บตัวมันค่อนข้างที่จะเหนื่อย ช่วงระยะเวลาการเก็บตัวมันก็จะมีกลุ่มแฟนนางงามที่เขาจะคอยแบบนู่นนี่นั่น ซึ่งนางงามทุกคนก็จะรับรู้ตลอด บางทีเราจะเจอกระแสดราม่ามันก็จะทำให้เราเหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ ช่วงที่เราท้อก็มี มีหลายคนที่เป็นเหมือนกัน”

อะไรที่ทำให้สู้แล้วผ่านตรงนั้นมาได้? “ถามตัวเองว่าเรามาอยู่ตรงนี้เพราะอะไร เรามีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตและต่อยอดชีวิตครอบครัวของเราให้ดีขึ้น ก็ต้องสู้ กำลังใจจากด้อมก็สำคัญมาก ส่วนใหญ่ด้อมหนูจะไม่ใช่แฟนนางงามตั้งแต่แรกเริ่ม มาจากกลุ่มร้องเพลง ทำขวัญนาค หรือว่าคนที่มาจากกระแสการจิ้น หรือว่าการที่เรามีจุดยืนของเรื่อง LGBTQ เขาก็จะมาตามเราตรงนี้ เขาจะไม่เข้าใจบริบทของนางงามว่ามีดราม่าเยอะขนาดนี้เลยเหรอ เป็นกำลังใจให้น้องนะ มันก็เลยเกิดแรงซัพพอร์ตที่มันค่อนข้างมาก”

คุ้มค่าไหมกับการที่น้องต้องเหนื่อยแล้วมาถึงจุดนี้? “คุ้ม หายเหนื่อยเลยค่ะ วันที่ได้มงกุฎคือไม่เล่นโซเชียลอะไรเลย นอน อิ่มแล้วก็หลับเลย หายเหนื่อย (เห็นว่าครอบครัวต้องย้ายถิ่นฐานค่อนข้างเยอะ?) เหมือนโดนคำสาป อยู่ที่ไหนไม่เคยเกิน 3 ปี ต้องย้ายตลอด ตั้งแต่เด็กอยู่อุทัย ย้ายไปศรีสะเกษ แล้วกลับมาอุทัย อุทัยกลับมาสุพรรณ สุพรรณไปราชบุรี ราชบุรีกลับมาอุทัย อุทัยกลับมากรุงเทพฯ ความที่พ่อหนูเป็นศิลปิน ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วไม่โอเค ไม่รุ่ง เราย้ายกันดูไหม เพราะเราก็ไม่ได้มีสมบัติติดตัวอะไรกันอยู่แล้ว”

เห็นบอกว่ามีช่วงที่ไม่มีเงินถึงขั้นไม่มีเงินซื้อข้าวกินเลย? “มีค่ะ ตอนนั้นจำได้ขึ้นใจเลยอยู่ที่สุพรรณ มีข้าวแต่เราไม่มีเงินที่จะไปซื้อกับข้าวกิน เหมือนว่าเงินมันหมุนไม่ทัน เราก็เดินออกไปเด็ดผักบุ้งที่มันอยู่ตามคลอง เด็ดมาก็มาผัดกินกันในครอบครัว ตอนนั้นหนูไม่ได้รู้สึกซีเรียสอะไร เพราะว่าเรารู้ว่าถ้าแม่ทำกับข้าวนั่นคืออร่อยแล้ว”

มีช่วงหนึ่งที่รู้สึกถึงความลำบาก เพราะคุณพ่อป่วย? “เราไม่รู้มาก่อนเลย ด้วยความที่เรายากจนกันด้วย เวลาเป็นอะไรคุณพ่อก็จะไม่บอก กลัวว่าต้องไปรักษา ต้องเปลืองเงิน จะเป็นคนที่เก็บอาการเก่งมาก เก็บรักษาความเจ็บปวดมาตลอด จนมีอยู่วันหนึ่งที่เขาเริ่มผอมลงๆ ครอบครัวก็เริ่มสังเกตว่าแปลกๆ แล้วเขาก็ปวดท้องหนักมาก เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว พอไปตรวจคุณหมอก็ถามว่าไปอยู่ไหนมา ทำไมเพิ่งมาตรวจนี่คือเข้าขั้นระยะที่4 แล้ว

พ่อป่วยเป็นอะไร? “มะเร็งตับ ด้วยตอนที่เป็นศิลปิน ช่วงที่เขาวัยรุ่น เขาดื่มเหล้า ดูดบุหรี่บ่อย ตอนที่ตรวจเจอตอนนั้นคุณพ่ออายุ 43 ส่วนฟ้าอายุ 17 คาบ 18 ค่ะ (หลังจากที่เรารู้มีเวลาทำใจนานแค่ไหน?) คุณหมอแจ้งว่าถ้ากำลังใจดี เต็มที่ก็ 4 เดือน เขาก็สู้ของเขาเต็มที่มากๆ ก็ 4 เดือนจริงๆ”

ขาดหัวหน้าครอบครัวไป หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง? “แตกแขนงออกไปหมดเลย หลังจากที่คุณพ่อเสีย คุณแม่ก็ขอไปบวชประมาณ 2 ปี ตัวฟ้าเองก็ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ พี่คนกลางทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน พี่คนโตแต่งงานมีครอบครัวมีลูกอยู่ที่ราชบุรี”

ที่บอกว่าไปเช่าห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เล็กกว่าห้องน้ำ อันนั้นอยู่รวมกันก่อนเข้ากรุงเทพฯ ใช่ไหม? “ใช่ค่ะ ตอนนั้นหนูอยู่ที่สุพรรณ จะอยู่กัน 4 คน พี่คนกลางอยู่กับคุณย่า ก็จะมีพี่คนโต พ่อแม่ แล้วก็ฟ้า ซึ่งห้องมันเล็กมาก ทุกวันนี้หนูกลับไปดูห้องเช่านี้ยังอยู่นะคะ ยังเกิดคำถามกับตัวเองว่า ณ ตอนนั้นเราอยู่กันได้ยังไง แต่ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าแคบ”

ช่วงนั้นลำบากมาก คุณแม่เริ่มป่วย เป็นหวัด เป็นเบาหวาน ยังไม่มีเงินพาคุณแม่ไปหาหมอเลย? “ใช่ค่ะ มีช่วงหนึ่งที่เราออกมาทำงานด้วยตัวเอง คุณแม่จะป่วยเป็นเบาหวาน ความดัน หัวใจ หลายโรครุมเร้า เขาต้องไปตรวจเช็กร่างกายตลอดทุกเดือน จะมีช่วงหนึ่งที่เขาขอค่ารถไป ซึ่งเราก็เงินไม่พอจะทำยังไงก็มีช่วงที่หนักหน่วงอยู่พอสมควร”

เห็นว่าก่อนคุณพ่อจะเสีย คุณพ่อมีความใฝ่ฝันและมุ่งมั่นมากๆ อยากให้อิงฟ้าเป็นนักร้อง แต่ช่วงที่เซ็นสัญญาเป็นช่วงที่คุณพ่อไม่สบายแล้วก็เสียชีวิตพอดี? “เราก็จะรับรู้มาตลอดตั้งแต่เด็กว่าเขาสนับสนุนเราในเรื่องของการร้องเพลง ความฝันของเขาแน่นอนคืออยากเห็นเราเป็นศิลปินเต็มรูปแบบ ณ ตอนนั้นก็เหมือนมีเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่มีค่ายเพลงติดต่อเรามาในช่วงที่คุณพ่อรักษาตัวอยู่เป็นระยะที่4 ประมาณเดือนที่3 ที่4 ละ โอเคเราก็ไป”

“จุดประสงค์ของเราตอนนั้นอยากจะเอาความฝันของพ่อให้สำเร็จ เพราะเราคิดว่านี่แหละคือกำลังใจที่ดีที่สุด เผื่อเป็นปาฏิหาริย์ บอกพ่อต้องหายนะ เราจะได้ไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน พอหลังจากที่เราเซ็นสัญญาเสร็จปุ๊บ กลับมาไม่นานคุณพ่อก็เสียชีวิต (เหมือนชีวิตกำลังมีแสงสว่าง แล้วเสาหลักก็จากไป ตอนนั้นชีวิตเป๋ไปจนาดไหน?) เป๋มากค่ะ ร้องไห้แทบทุกวัน ทำใจไม่ได้เลย ทุกวันนี้ยังนึกถึงคุณพ่อ ยังมีแอบร้องไห้บ้างค่ะ

ถ้าคุณพ่อดูอยู่ ณ ตอนนี้อยากบอกอะไร? “อยากบอกว่าไม่มีอะไรต้องห่วง ตอนนี้สำเร็จทุกอย่างแล้ว ในเรื่องของคุณแม่ ครอบครัวตอนนี้ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว จริงๆ ก็คิดว่าเขาน่าจะรับรู้ได้ตลอดอยู่แล้ว”

มีช่วงที่หมดกำลังใจถึงขั้นไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้? “ใช่ค่ะ คิดสั้นค่อนข้างที่จะบ่อยเหมือนกัน เหมือนกับว่าเรามองข้ามความเจ็บปวดยังไม่ได้ แค่กลัวว่าถ้าสมมติเราทำแล้วเราไม่ตายเนี่ย คนข้างหลังเราจะเดือดร้อน คิดแค่นั้น แต่ตอนช่วงที่เราคิดสั้นโมเมนต์ตอนนั้นไม่ดีนะคะไม่ควรทำ เหมือนเราคิดว่าชีวิตเราวนลูปอยู่แค่ตื่นมา ทำงาน แล้วก็นอน แล้วมันก็มีเรื่องทำให้กดดันแล้วเครียดทุกวันเราเลยรู้สึกว่าเราอยากหยุดไว้แค่นี้แล้วกัน ไม่อยากมีลมหายใจต่อแล้ว

มีพรสวรรค์ในการร้องเพลง แต่ตอนนั้นหมดแพสชั่นไปเลย? “ใช่ค่ะ ตลอดเวลาที่เราร้องเพลงมาจะเห็นคุณพ่อคอยให้กำลังใจตลอด เพราะว่าหนูไม่เคยประกวดชนะเลยตั้งเด็ก เขาจะคอยหาข้อดีของเราตลอด เราก็เลยมีกำลังใจทุกครั้งที่จะขึ้นเวที แต่พอวันนึงที่เขาหายไปแพสชั่นในการร้องเพลงของเรามันก็ค่อยๆ ลดลง จนคุณแม่ทักว่าจะหยุดความฝันของเราจริงๆ เหรอ เลยฉุกคิด ประจวบเหมาะกับตอนนั้นมีประกวดร้องเพลงรายการหนึ่งระดับประเทศ”

เห็นว่าทำมาหลายอาชีพมาก? “ถ้าตั้งแต่เด็กเลยก็เยอะมาก ถ้าเป็นแม่ค้าก็ขายมาทุกอย่างแล้ว พอเริ่มโตมา แคดดี้ก็เคย ตอนนั้น 13 ปีเองเป็นนักร้อง หมอทำขวัญนาค นางแบบ พิธีกร และเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วๆ ไป”

จากนักร้องไปเป็นหมอทำขวัญนาคได้ยังไง? “ตอนเด็กหนูถูกปลูกฝังกับคุณตา คุณยาย คุณแม่ชอบพาหนูไปดูลิเก เรารู้สึกว่าหมอทำขวัญนาคและลิเกเป็นสิ่งที่เราอยากจะเป็นตั้งแต่เด็ก พอเราอยากเป็นโตมาเราเริ่มร้องเพลงเป็น ตอนเรียนม.ปลาย ก็มีครูบอกว่าลองไปแข่งขับเสภาดูไหม เป็นตัวแทนของโรงเรียน พอหนูเรียนจบก็มีครูที่เขาทาบทามไปทำขวัญนาคดูไหม เราก็ไปฝึกกับเขา”

พอไปทำขวัญนาค แม่ของนาคจีบหมอทำขวัญ? “มีบ่อยค่ะ จะเป็นฟีลแบบขอไลน์ส่วนตัวเราไว้สำหรับถ้าลูกเขาสึกแล้ว เราก็บอกว่าแม่ติดต่อผ่านไลน์ที่ให้งานได้เลยเหมือนกัน”

เรื่องความรักยอมรับว่าอยู่ในกลุ่ม LGBTQ? “จริงๆ ยอมรับมานานแล้วก่อนเข้าวงการนางงามอีก แต่ตอนนั้นมันไม่ได้เป็นกระแส เราไม่ได้ดัง คนก็เลยไม่รู้ (เคยมีแฟนแบบว่าผู้หญิง?) มีค่ะ (เห็นว่าแฟนคนแรกก็เป็นผู้หญิงเลย?) ไม่เชิงเป็นแฟนคนแรก แต่ ณ ตอนนั้นเป็นเหมือนช่วงที่ใกล้จะเรียนจบ ก็เป็นแฟนผู้หญิงที่เรารู้สึกว่าเราเปิดใจ”

ผู้หญิงแบบไหนที่รู้สึกทำให้เราละลายได้? “จะชอบคนมีเสน่ห์ แต่ถ้าเป็นสเป๊กจริงๆ จะชอบคนฟันสวยและตัวหอม (มีคลิปหนึ่งที่คุณชาล็อตร้องเพลงเพี้ยน แล้วคุณเอามือเลื้อยไปข้างหลังเขาแล้วเอามือกลับมาตีมือตัวเอง มันคืออะไร?) เป็นความเคยชิน ปกติหนูร้องกับพี่ กับเพื่อน เวลาเขาร้องผิดหนูก็จะบอกว่าเอาใหม่ๆ พอเราชินแล้วเฮ้ย! มันไม่ได้”

มีอยู่คอนเสิร์ตหนึ่งนั่งเอาไหล่พิงกัน แล้วหันไปขอดื้อๆ เลยว่าวันนี้เป็นแฟนพี่ปลอมๆ สักวันได้ไหม? “เป็นโชว์ที่เราร้องวันสุดท้าย ที่เป็นหมอลำxมิสแกรนด์ คืนสุดท้ายเราอยากทำโมเมนต์ที่มันน่ารักๆ การร้องเพลงคู่กันก็อยากให้น้องอินร่วมไปกับเราด้วย เลยบอกว่าวันนี้ลองแกล้งเป็นแฟนกันสักวันนึงนะ (ชาล็อตคือสเป๊กไหม สวยไหม? ตัวหอมไหม?) สวยค่ะ ตัวหอมค่ะ(หัวเราะ)

ติดตามชมรายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ อิงฟ้า วราหะ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ