อิคคิว บวชชี 9 วัน ถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ด้าน บุ๋ม เผย ไม่เกี่ยวกับ ครูบาไก่ อย่างเด็ดขาด ส่วนคดีความ ตำรวจแจ้งข้อหาครบทั้ง 4 คนแล้ว
วันที่ 2 มี.ค.2566 จากกรณีเฟซบุ๊กส่วนตัวงของ น.ส.วาสนา เคลือบสูงเนิน หรือ อิคคิว อดีตโยมอุปัฏฐาก พระสุวิทย์ ชินวโร หรือ ครูบาไก่ โพสต์ภาพการปลงผมบวชชี นุ่งขาวห่มขาว โดยมีญาติโยมคนสนิท รวมทั้งแม่ชีร่วมกันปลงผมเข้าพิธีบวชชี พร้อมข้อความระบุว่า “ข้าพเจ้า น.ส.วาสนา เคลือบสูงเนิน ขอปลงผม บวชชี ในวันที่ 2 มี.ค.2566 เป็นเวลา 9 วัน “กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง อะสัญจิจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม.” กรรมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้นกลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป
ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้าพร้อมทั้ง ครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้า พ้นจากความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอได้มีความสุขสวัสดีมีชัย เสนียดจัญไรและอุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมแล้ว ขอให้สิ่งนั้นจงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ ทันตาด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ” ซึ่งภายหลังจากที่เฟซบุ๊กของ น.ส.อิคคิว ได้โพสต์ภาพดังกล่าวในโซเชียลก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นอนุโมทนาสาธุกันจำนวนมาก และอวยพรขอให้ปัญหาอุปสรรคทั้งหลายผ่านไปได้ด้วยดี
จากการสอบถาม น.ส.คุณบุ๋ม คนสนิทของแม่ชีอิคคิว กล่าวว่า การที่แม่ชีอิคคิวบวชครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับครูบาไก่อย่างเด็ดขาด แต่การบวชชีครั้งนี้เนื่องจากต้องการบวชเป็นผลบุญให้กับแม่ชีและตัวบุ๋มเอง ให้ส่งเสริมในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจและการงานที่ทำ และให้เรื่องแย่ ๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้ผ่านไปโดยเร็ว
ด้าน พ.ต.อ.พิชัย นาขันดี ผกก.สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 4 คนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอิคคิวและบุ๋มเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นการทำงานในรูปแบบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
พ.ต.อ.พิชัย กล่าวต่อว่า โดยข้อหานั้นยังคงเป็นข้อหาเดิม คือ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ร่วมกันใส่ความคณะสงฆ์ และข้อหาร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมฯ) ซึ่งภายหลังรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นก็จะดำเนินการส่งฟ้องศาลจังหวัดขอนแก่น ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย