อาหารที่ผู้เชี่ยวชาญจัดว่าเป็น "บัญชีดำ" ทุกครั้งที่กิน อาจลดอายุขัยลงถึง 36 นาที

Home » อาหารที่ผู้เชี่ยวชาญจัดว่าเป็น "บัญชีดำ" ทุกครั้งที่กิน อาจลดอายุขัยลงถึง 36 นาที
อาหารที่ผู้เชี่ยวชาญจัดว่าเป็น "บัญชีดำ" ทุกครั้งที่กิน อาจลดอายุขัยลงถึง 36 นาที

แม้อาหารชนิดนี้จะคุ้นเคยกันดี แต่กลับส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก และตามการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญ อาจถึงขั้นลดอายุขัยได้

ทุกคนล้วนอยากมีชีวิตยืนยาวและแข็งแรงอยู่เคียงข้างคนที่รัก แต่การมีอายุยืนไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะขึ้นอยู่กับโชคที่ได้ยีนส์อายุยืนสืบทอดมาแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตและการกินก็มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ

น่าเสียดายที่ในสังคมปัจจุบัน หลายคนมีนิสัยที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและอายุขัย เช่น การนอนดึก ความเครียดจากงาน มลพิษในสิ่งแวดล้อม และการกินแบบเร่งรีบเพราะไม่มีเวลาเข้าครัว ล้วนทำลายร่างกายทีละน้อย

หลุยส์ ซาโมรา ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากอินเดีย ระบุว่า อาหารคือรากฐานของสุขภาพ หากเรากินอย่างไม่เป็นระเบียบหรือเลือกอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ร่างกายจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ล่าสุด เธอเตือนให้หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เพราะมันอาจลดอายุขัยได้อย่างรวดเร็ว

อาหารแปรรูปลดอายุขัย

จากงานวิจัยบางชิ้นพบว่า ทุกครั้งที่เรากินอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอกหรือเบคอน จะทำให้ลดอายุขัยไปถึง 36 นาที และแม้แต่เครื่องดื่มหวานหรือเครื่องดื่มที่มีแก๊สก็ยังทำให้ลดอายุขัยเฉลี่ยไป 12 นาที นี่คือสัญญาณเตือนที่น่ากังวลหากคุณมีนิสัยกินอาหารเหล่านี้บ่อย ๆ

ผลการวิจัยนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในงาน Nutrition 2024 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมโภชนาการแห่งอเมริกา โดยมี เอริกกา ลอฟต์ฟีลด์ จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติเป็นผู้นำการศึกษา ซึ่งพบว่า ผู้สูงอายุที่รับประทานอาหารแปรรูปมากมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับผู้ที่ทานน้อยกว่า

“ผลการวิจัยของเราสรุปจากข้อมูลจำนวนมาก รวมถึงการศึกษาเชิงสังเกตและการทดลอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อาหารแปรรูปมีผลเสียต่อสุขภาพและอายุขัย ดังนั้นคุณควรจำกัดการทานอาหารเหล่านี้” ผู้เชี่ยวชาญ เอริกกา ลอฟต์ฟีลด์ กล่าว

ต่อไปนี้คือลักษณะอันตรายจากการกินเนื้อแปรรูปหรือดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ควรลด

  1. อาจก่อให้เกิดมะเร็ง
    ปัญหาหลักคืออาหารเหล่านี้มักมีสารกันบูดในปริมาณสูง เช่น ไนเตรตและไนไตรต์ ซึ่งเมื่อถูกความร้อนสูงหรือลงไปในกระเพาะอาหาร สารเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงเป็นไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหาร

  2. ส่งผลกระทบต่อระบบหลอดเลือด
    เนื้อแปรรูปมักมีปริมาณเกลือและไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งเสี่ยงทำให้ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคอ้วน หากรับประทานบ่อย ๆ ปริมาณคอเลสเตอรอลสูงในอาหารเหล่านี้ยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งและปัญหาการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย

  1. เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2
    การบริโภคเนื้อแปรรูปยังเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 โดยเฉพาะปริมาณไขมันทรานส์ สารเติมแต่ง และแคลอรีที่ว่างเปล่าที่มีอยู่ในอาหารเหล่านี้ สามารถทำให้การเผาผลาญเกิดความผิดปกติและลดความสามารถในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

  2. ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต
    การบริโภคเนื้อแปรรูปมากเกินไปไม่เพียงแต่มีผลต่อสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอีกด้วย อาหารเหล่านี้มักมีสารเติมแต่งที่เป็นอันตราย เช่น ผงชูรส หรือสารเพิ่มรสชาติ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อระบบประสาท ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ปวดหัว นอนไม่หลับ หรือความสามารถในการจดจ่อความสนใจลดลง

Polina Tankilevitch

การบริโภคอาหารแปรรูปในช่วงเทศกาล

แม้เนื้อแปรรูปอย่างไส้กรอก เบคอน หรือไส้กรอกจะเป็นที่นิยมในช่วงเทศกาล แต่ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่เกิน 50-70 กรัมต่อวัน (ประมาณ 1-2 ชิ้นเล็ก)

นอกจากนี้ ควรเลือกเนื้อแปรรูปที่มีแหล่งที่มาชัดเจน และไม่ควรมีสารกันบูดหรือสารเติมแต่งมากเกินไป ควรอ่านฉลากให้ละเอียดเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมและไขมันอิ่มตัวต่ำ และไม่มีไนเตรตหรือไนไตรต์

นอกจากนี้ เมื่อรับประทานอาหารควรหลีกเลี่ยงการย่าง ทอด หรือทอดที่อุณหภูมิสูง เนื่องจากอาจทำให้เกิดสารพิษได้ เช่น โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน หรืออะคริลาไมด์ ให้นึ่ง ต้ม หรือผัดเบาๆ แทน เพราะเป็นวิธีการเตรียมที่ปลอดภัยกว่า

เมื่อรับประทานอาหารแปรรูปเหล่านี้ ควรกินคู่กับผักสดเพื่อเพิ่มไฟเบอร์จากผัก ผลไม้ หรือธัญพืช ซึ่งช่วยลดการดูดซึมสารพิษ เช่น ไนโตรซามีนจากเนื้อแปรรูป และยังช่วยปรับปรุงกระบวนการย่อยอาหาร ดังนั้นในโต๊ะอาหารเทศกาล ควรทานคู่กับสลัด แตงกวา แครอท หรือผักสดต่าง ๆ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ