เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นอล สำนักข่าวด้านธุรกิจและการเงินจากสหรัฐ รายงานโดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์หลายราย ว่ารัฐบาลจีนขอให้บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง จำกัด ถอนการลงทุนออกจากธุรกิจสื่อและโซเชียลมีเดีย 

แหล่งข่าวเผยว่า การพูดคุยเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่จีนทบทวนรายชื่อของธุรกิจสื่อและโซเชียลมีเดียที่อาลีบาบาครอบครอง ซึ่งสร้างความตกใจให้ภาครัฐของจีนไม่น้อยเพราะเห็นว่าอาลีบาบาลงทุนในธุรกิจดังกล่าวสูงมาก ทั้งยังขอให้อาลีบาบาถอนการลงทุนออกไปด้วย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาลีบาบาอาลีบาบาลงทุนในธุรกิจสื่อหลายประเภทตั้งแต่สิ่งพิมพ์ การกระจายภาพและเสียง สื่อดิจิทัล โซเชียลมีเดีย และโฆษณา ทั้งยังถือหุ้นอยู่ในโซเชียลมีเดียจีนที่มีการใช้งานคล้ายทวิตเตอร์ชื่อ “เวย์ป๋อ” และสำนักข่าวทั้งดิจิทัลและสิ่งพิมพ์ ซึ่งรวมถึง เซาธ์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษแถวหน้าของฮ่องกง ซึ่งธุรกิจบางตัวยังเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐด้วย

แม้ยังไม่ทราบว่าอาลีบาบาครอบครองสินทรัพย์ในธุรกิจเหล่านี้รวมแล้วเท่าไหร่ แต่ถ้าหากนับเฉพาะมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ อาลีบาบาถือครองอยู่ทั้งหมดมากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ (245,600 บาท) ตามราคาก่อนเปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (15 มี.ค.) โดยแบ่งเป็นมูลค่าหุ้นที่ถือใน เวย์ป๋อ คอร์ป ราว 3,500 ล้านดอลลาร์ (107,520 ล้านบาท) และใน Bilibili Inc. ที่เป็นผู้ให้บริการแฟลตพอร์มรับชมวิดีโอ เกือบ 2,600 ล้านดอลลาร์ (79,872 ล้านบาท)

นอกจากนี้ อาลีบาบายังมีบริษัทร่วมทุนและเป็นพันธมิตรกับสื่อของรัฐบาลจีน อาทิ สำนักข่าวซินหัว และกลุ่มหนังสือพิมพ์ขององค์การปกครองระดับท้องถิ่นของจีนในมณฑลเจ้อเจียงและเสฉวน

แหล่งข่าวเหล่านี้ ให้ความเห็นว่า การเข้าไปมีบทบาทในธุรกิจสื่อของอาลีบาบาถูกมองว่าเป็นความท้าทายอย่างร้ายแรงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและการใช้โฆษณาชวนเชื่อของพรรค

การขอให้อาลีบาบาถอนการลงทุนในธุรกิจสื่อและโซเชียลมีเดียนี้ นับเป็นการเคลื่อนไหวล่าสุดของความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลจีนและนายแจ็ค หม่า

เมื่อปลายปีที่แล้ว นายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน สกัดแผนการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ของ แอนท์ กรุ๊ป โค บริษัทด้านเทคโนโลยีการเงินใเครืออาลีบาบา เพราะกังวลว่าแอนท์อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินของจีน

ไม่ใช่แค่นั้น นายสียังไม่พอใจนายหม่าที่วิจารณ์ความพยายามของตนในการเข้าไปควบคุมระบบการเงินของประเทศด้วย

ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทราบว่าอาลีบาบาจะต้องขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในธุรกิจสื่อและโซเชียลมีเดียหรือไม่ แต่แหล่งข่าวเผยว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกแผนการของอาลีบาบาก็จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้นำระดับสูงของจีนเสียก่อน