อาฟเตอร์ช็อค! โควิด 19 กันยายนมาแน่ ติดเชื้อเข้า รพ. แน่นๆ หน้ากากยังสำคัญ

Home » อาฟเตอร์ช็อค! โควิด 19 กันยายนมาแน่ ติดเชื้อเข้า รพ. แน่นๆ หน้ากากยังสำคัญ

โควิด 19 : อาฟเตอร์ช็อคกำลังมา สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 และ BA.5 ติดเชื้อเข้าโรงพยาบาลกว่า 4,000 ราย กรมควมคุบโรค เตือน กันยามาแน่

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด 19 ในประเทศไทยในขณะนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันอยู่ในหลักพันต่อวัน และผู้เสียชีวิตหลักสิบต่อวัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข หารือเตรียมความพร้อมการเดินหน้า “โควิด” สู่โรคประจำถิ่นอย่างปลอดภัย ด้วยแนวคิด Health for Wealth เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้มากกว่า 60% เฝ้าระวังการระบาดเป็นกลุ่มก้อน

ล่าสุด 05 ก.ค. 65 เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้ออกมาโพสต์ให้ข้อมูล เนื่องจาก กรมควบคุมโรค ออกมาเตือนภัย โควิด 19 อาจกลับมาอีกระลอก หลัง สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 และ BA.5 แพร่กระจายไปทั่วโลก

นั่น … เรียก ‘อาฟเตอร์ช็อค’
…กรมควบคุมโรค ส่งสัญญาณเตือน โควิด ‘ขาขึ้น’ เวฟเล็กๆ ใหม่ กำลังเข้าสู่ ‘อาฟเตอร์ช็อก’ คาดพีค กันยายนนี้ ติดเชื้อเข้า รพ.วันละ 4 พันราย ย้ำอย่าเพิ่งผ่อนหน้ากาก

วานนี้ วันที่ 4 ก.ค.65 นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด 19 ว่า สถานการณ์โควิดทั่วโลกหลายประเทศพบรายงานเพิ่มขึ้น เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย บางประเทศรายงานเสียชีวิตต่อเนื่อง ส่วนสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 และ BA.5 พบเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ เช่น BA.4 แอฟริกาใต้ พบ 64% ส่วน BA.5 อังกฤษ พบ 28% ,อเมริกา 25% ,ฝรั่งเศส 22% ,ออสเตรเลีย 21% และประเทศไทย 20% ใกล้เคียงกับทั่วโลก เพราะมีการผ่อนคลาย มีผู้เดินทางเข้ามา อาจพบติดเชื้อเพิ่มขึ้น

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ความครอบคลุมวัคซีนสูง ทำให้การเสียชีวิตน้อย เช่น อังกฤษครอบคลุม 73% , อเมริกา 67% , ฝรั่งเศส 78% ,ออสเตรเลีย 84% การเสียชีวิตก็น้อย แต่แอฟริกาใต้ครอบคลุม 32% ผู้เสียชีวิตเริ่มเพิ่มขึ้นบ้าง

Person doing home covid test Free Photo
ขอบคุณรูปภาพ : Freepik

สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 และ BA.5

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ประเทศไทยวันนี้ผู้ป่วยปอดอักเสบพบ 677 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาพบ 630 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 293 ราย ยังไม่เพิ่มขึ้น ยังทรงตัวอยู่ อีกสักระยะที่ปอดอักเสบอาจจะมีอาการมากขึ้น ส่วนผู้เสียชีวิตรายงาน 18 ราย ถือว่าคงตัวแนวโน้มลดลงเล็กน้อยและเริ่มทรงตัว ผู้ป่วยรายใหม่ทรงตัว ผู้ป่วยที่เข้ารักษาใน รพ.ยังไม่เพิ่มขึ้นมากใกล้เคียงกับ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผู้ป่วยอาการไม่มากอาจเพิ่มขึ้นซึ่งผู้ป่วยที่เข้าระบบ HI จากที่เคยลงมาเหลือ 1 หมื่นราย ก็เพิ่มมาเกือบ 1.5 หมื่นราย การลงทะเบียนรับยาผ่านระบบ สปสช. ระบบผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก 1.91 แสนราย เป็น 2.07 แสนรายถือว่ามากในสัปดาห์นี้

ภาพรวมรายสัปดาห์ช่วงวันที่ 26 มิ.ย. – 2 ก.ค. ผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจใกล้เคียงกับตัวเลขรายงานวันนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ที่มา รพ.สะสม 16,000 ราย เฉลี่ยประมาณ 2 พันกว่าคนต่อวัน ผู้เสียชีวิตสะสม 106 ราย ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 161 ราย แต่พบว่ายังเป็นกลุ่ม 608 ทั้งหมด ซึ่งเกือบ 50% ไม่ได้วัคซีน บางคนฉีดเข็มเดียว จึงไม่สามารถป้องกันอาการรุนแรง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ อีกประมาณ 30% ฉีด 2 เข็มแต่เกิน 3 เดือนแล้ว

  • “การป้องกันไม่ให้ป่วยรุนแรงต้องฉีดเข็มกระตุ้นด้วย โดยโรคเรื้อรังที่เสียชีวีตเยอะ คือ โรคไตเรื้อรัง หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ และกลุ่มมะเร็ง อาจไม่ได้ฉีดวัคซีน ทำให้มีโอกาสติดเชื้อเสียชีวิตเพื่มขึ้น”
Sick woman in aขอบคุณรูปภาพ : Freepik

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ผู้ป่วยปอดอักเสบและอัตราครองเตียงทั้งประเทศ 10.9% อยู่ในเกณฑ์ดี ถ้าเกิน 50% ต้องเพิ่มจำนวนเตียง ซึ่งหลายจังหวัดปรับเตียงโควิดอาการหนักไปใช้โรคอื่น ทำให้เตียงโควิดลดลง แต่หลายจังหวัดมีสัดส่วนการครองเตียงเพิ่มขึ้น เช่น กทม.และปริมณฑล จังหวัดท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต แต่อัตราครองเตียง 20-30% ยังอยู่ในเกณฑ์รองรับได้

  • “ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กทม. ปริมณฑล จังหวัดใหญ่และท่องเที่ยว มีผู้ติดเชื้อและป่วยนอนรักษาเพิ่มขึ้น จึงต้องพิจารณาควบคุมการระบาดในบางส่วน อาจมีการเพิ่มเติมมาตรการป้องกันโรค เช่น สวมหน้ากากตลอดเวลา โดยเฉพาะการไปใช้พื้นที่มีคนจำนวนมาก มีการรวมกลุ่ม การใช้ขนส่งสาธารณะทุกประเภทต้องสวมหน้ากาก”

สรุปว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยหนัก และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น แต่อยู่ในเกณฑ์รองรับได้ในระบบสาธารณสุข ผู้ป่วยที่เข้ารักษาใน รพ.ยังเพิ่มขึ้นไม่มาก โดยเตียงระดับ 2-3 แม้การใช้เพิ่มขึ้น แต่ถูกนำไปใช้โรคอื่นด้วย หากครองเตียงสูงขึ้นกว่านี้อาจต้องเปลี่ยนกลับมาใช้ดูแลโควิด ส่วนยาฟาวิพิราเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ ยังมีรองรับเพียงพอ พบการระบาดในโรงเรียน สถานศึกษา เป็นคลัสเตอร์เล็กๆ หลายจังหวัด อาจแพร่ไปสู่ครอบครัว กลุ่ม 608 ได้

การป้องกันส่วนบุคคลสำคัญ ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา แม้เริ่มผ่อนคลายที่โล่งแจ้ง โดยเฉพาะเมื่อใช้ขนส่งสาธารณะ ร่วมกิจกรรมคนมาก ไปสถานที่ปิด กิจกรรมที่เสี่ยงสูง เพื่อลดเสี่ยงรับและแพร่เชื้อต่อกลุ่ม 608 และต้องเร่งสร้างภูมิด้วย ขอย้ำว่าวัคซีนไม่ได้ป้องกันติดเชื้อ สวมหน้ากากป้องกันได้ แต่วัคซีนช่วยป้องกันไม่ให้ป่วยหนัก ไม่ให้ใส่ท่อและเสียชีวิต

ขอบคุณรูปภาพ : Freepik

นพ.จักรรัฐกล่าวว่า หลายประเทศผ่อนคลายเรื่องการสวมหน้ากากไปมาก คนที่เดินทางไปต่างประเทศที่เริ่มผ่อนคลาย ยังแนะนำสวมหน้ากากเพื่อป้องกันติดเชื้อกลับมา เพราะกลับมาอาจติดคนในบ้าน ขอให้หลีกเลี่ยงไปร่วมกิจกรรมที่คนมาก ไม่สวมหน้ากาก เพราะตอนนี้แถบยุโรป สหรัฐฯ BA.4 BA.5 เยอะมาก

“ถ้าไปแล้วพบว่าติดเชื้อหรือสัมผัสเสี่ยงสูง เมื่อกลับถึงไทยขอให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่อใกล้ชิดคนอื่น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 เพื่อไม่ให้เอาโรคไปให้กลุ่มนี้ เลี่ยงไปสถานที่สาธารณะ เพื่อลดเสี่ยงเอาเชื้อที่รับมาไปแพร่ ถ้าป่วยมีไข้เจ็บคอ ซึ่ง BA.4 และ BA.5 ค่อนข้างพบมีไข้ ไอ เจ็บคอค่อนข้างเยอะ ถ้ามีอาการแล้วสงสัยตรวจ ATK ได้เลย”

นพ.จักรรัฐกล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่และเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 เป็นต้นไปถึงปี 2566 ซึ่งหลังจากการเกิดระลอกใหญ่ของโอมิครอนช่วงมกราคมที่ผ่านมา คาดว่าจะเกิดเวฟเล็กๆ เป็น ‘อาฟเตอร์ช็อก’ ตามมา จากการผ่อนคลายมาตรการ เปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หรือเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น

“เวฟเล็กแรกที่จะเจอคือ ช่วงสัปดาห์นี้ไปจนถึงสัปดาห์ที่ 35 หรือช่วง 10 สัปดาห์จากนี้ไปจนถึง กันยายนนี้ ที่จะเป็นช่วงพีคสุด ซึ่งขณะนี้การติดเชื้อเพิ่มขึ้นแล้ว ทำให้อาจมีผู้ป่วยไปรักษาใน รพ.เพิ่มขึ้น ซึ่งเราคาดการณ์จากมาตรการที่ยังคงเหมือนในมิ.ย. คือ ยังสวมหน้ากาก ซึ่งตอนนี้เรามีป่วยเข้ารักษา 2 พันรายต่อวัน ก็คาดว่า ก.ย.ไม่ควรจะเกิน 4 พันรายต่อวัน”

Man holding a negative covid test Free Photo
ขอบคุณรูปภาพ : Freepik

ทั้งนี้ ถ้าผ่อนคลายมาตรการกันหมด ไม่สวมหน้ากาก ก็อาจจะเกินจากนี้ได้ แต่ยังต้องพิจารณาปัจจัยในช่วงเวลาใกล้ๆ อีกครั้ง แต่อาจไม่สูงเท่าโอมิครอนช่วงต้นปี เนื่องจากฉีดวัคซีนจำนวนมากแล้ว ส่วนผู้ป่วยอาการรุนแรงและเสียชีวิตก็จะมีการคาดการณ์ตัวเลขเพิ่มเติม

“ตอนนี้การติดเชื้อกำลังขึ้นแล้ว ไม่เกิน 10 สัปดาห์ไปจุดพีคของเวฟเล็กๆ นี้ คือ ก.ย. แต่หากผ่อนคลายมาก เดินทางมหาศาล ติดเชื้อมากๆ และไปเจอกลุ่ม 608 ป่วยมาก ก็จะเป็นเวฟใหญ่ขึ้นได้ ดังนั้น อย่าเพิ่งรีบผ่อนหน้ากาก ตอนนี้มีสัญญาณแล้วรีบใส่ไว้ก่อน”

ส่วนการแจ้งเตือนยังคงระดับ 2 ซึ่งยังแนะนำให้ใส่หน้ากาก และช่วงระบาดมากๆ เป็นวงกว้าง ต้องรณรงค์ฉีดวัคซีน แม้ส่วนใหญ่ติดเชื้อไม่แสดงอาการและนอนที่บ้าน แต่กลุ่ม 608 เราไม่รู้จะรับเชื้อเมื่อไหร่ จะให้สวมหน้ากาก เว้นระยะห่างตลอดเวลาก็ยาก ลูกหลานไปเยี่ยมก็พาเชื้อมาได้ จึงจำเป็นต้องใส่หน้ากากให้มากที่สุดเมื่ออยู่กับคนอื่นและไปฉีดวัคซีน”

กรณีตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงต่ำกว่าความเป็นจริง 10 เท่านั้น ถ้าเป็นระลอกแรกๆ เราเน้นผู้ติดเชื้อ แต่โอมิครอนการระบาดเยอะแต่ไม่รุนแรง เราฉีดวัคซีนไปเยอะมากแล้ว กว่า 80% ในเข็มแรก เข็มกระตุ้นยัง 40% กว่า ฉะนั้น ถ้าฉีดเพิ่มขึ้นจะดีมากขึ้น สถานการณ์รายงานโรคจึงเน้นผู้ป่วยเป็นหลัก คือ รักษาใน รพ. เพื่อติดตามว่าระบบสาธารณสุขจะรองรับได้มากน้อยแค่ไหน การรายงานเราติดตามทั้งผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อในระบบลงทะเบียนรักษา สปสช. หลายคนติดเชื้อไม่มีอาการหรืออาการน้อย อาจไปซื้อฟ้าทะลายโจรหรือลงทะเบียนรับยาแล้วนอนอยู่บ้าน โดยไม่ได้เข้าระบบ รพ.เราอาจไม่ทราบ 100% แต่จะติดตามจากแนวโน้มผู้ป่วยใน รพ.เป็นหลัก คาดว่าเราต้องอยู่กับโควิด 19 การติดเชื้ออาจพบได้ขึ้นเรื่อยๆ

ตัวเลข 10 เท่านั้น ถ้าตัวเลขดูจากข้อมูล เรารักษาใน รพ. 2 พันราย ระบบลงทะเบียน OPSI 2 หมื่นราย ก็ประมาณ 10 เท่า แต่อาจจะมากกว่า เพราะติดเชื้อแสดงอาการ หรือติดเชื้ออาการน้อย กินฟ้าทะลายโจรอยู่บ้านอาจจะมีจำนวนมากพอสมควร อาจจะมากกว่า 10 เท่า ตรงนี้เราไม่ห่วง เพราะรักษาตัวเองเหมือนไข้หวัด ถ้าไม่ลงปอดหรือปอดอักเสบก็ไม่มา รพ.รักษาตัวเองก็คล้ายกัน อยากให้ทุกคนอยู่กับโควิดได้ลักษณะแบบนั้น นอกจากนี้ ถ้าป่วยมีอาการ รับยาเร็ว อาการป่วยหนักจะช้า จะป่วยหนักน้อยลง เวฟเล็กๆ ถ้าไม่เกินระบบสาธารณสุขก็ไม่น่าเป็นห่วง

ขอบคุณรูปภาพ : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

อ่านข่าวที่น่าสนใจ

  • หน้ากากยังสำคัญ! นพ.มนูญ เตือน เชื้อนี้แพร่กระจายเร็ว หลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดี
  • คับคั่ง! ประชาชนแห่ฉีด ฉีดวัคซีน ‘โมเดอร์น่า’ ล้น สถานีกลางบางซื่อ
  • จำเป็น! ทุกคนควรฉีค วัคซีนกระตุ้น ถ้าไม่ฉีดแล้วติด COVID 19 อาจตายได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ