อาทิตย์ใส – ‘พระพาย’ใช้เวลาว่างค้นหาตัว

Home » อาทิตย์ใส – ‘พระพาย’ใช้เวลาว่างค้นหาตัว


อาทิตย์ใส – ‘พระพาย’ใช้เวลาว่างค้นหาตัว

‘พระพาย’ใช้เวลาว่างค้นหาตัววางเป้าสานฝันวัยเด็ก-เรียนโทตปท.

ตื่นเต้นที่ได้ประกบคู่กับ ‘เวียร์’ ศุกลวัฒน์ คณารศ พระเอก เบอร์หนึ่งช่อง 7 HD ในละคร “กรงน้ำผึ้ง” สำหรับนางเอกสาวดาวรุ่งสายฝีมือ ‘พระพาย’ รมิดา ธีรพัฒน์

โดยล่าสุดเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทที่ได้รับในเรื่อง รวมถึงแผนงานในปีนี้ พร้อมกับเปิดใจเรื่องความรักที่คบหากับหนุ่ม ‘หนุน’ ชนน์ชนก ชิดชอบ

บทบาทเรื่อง “กรงน้ำผึ้ง” เป็นอย่างไรบ้าง?
พระพาย – “เรื่องนี้เป็นเรื่องความรักต้องห้ามระหว่างพระเอก-นางเอก มีความลับ มีปมให้คุณผู้ชมได้ติดตาม ทุกตอนจะพลาดไม่ได้ เพราะพลาดแล้วจะงงทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้เป็นบทที่ท้าทาย ด้วยในเรื่องจะความจำเสื่อม ต้องตีความออกมาว่าทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา”

เป็นการร่วมงานกับเวียร์ครั้งแรก?
พระพาย – “ใช่ค่ะ ตอนที่รู้ครั้งแรก ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นใครก็คงตื่นเต้น แล้วตอนนั้นหนูใหม่มากๆ ก็รู้สึกประหม่า พอได้เจอพี่เวียร์ตัวจริง พี่เขารีแล็กซ์มาก เขาทำให้คนที่อยู่รอบตัวเขาสบายใจที่จะทำงานกับเขา เลยทำให้ปรับตัวได้เร็ว”

อะไรที่ยากที่สุดสำหรับเรา?
พระพาย – “น่าจะเป็นเรื่องอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาค่อนข้างเยอะ แล้วเรื่องระยะเวลาถ่ายทำเกือบ 2 ปี เพราะมีเหตุให้ต้องหยุดถ่าย ก็ต้องมาต่อกันใหม่ ดูเนื้อเรื่องและทำอารมณ์ใหม่ ต้องมานั่งคิดว่าก่อนหน้าที่จะถ่ายซีนนี้ ก่อนหน้านี้มันผ่านอะไรมา”

พอได้เห็นกระแสละครที่ออกมาแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?
พระพาย – “กระแสตอบรับกลับมาดีค่ะ เพราะพี่เวียร์ไม่มีละครมานานแล้ว พอ พี่เวียร์มา คนก็มารอดูกัน ก็ได้ผลพลอยได้ไปด้วยค่ะ ยกความดีความชอบให้พี่เวียร์เลยค่ะ ส่วนฟีดแบ็กสำหรับตัวเองก็มีที่ เข้ามาบอกว่าน่ารักดี แสดงได้น่าสงสาร แต่ในเรื่องมันยังมีเหตุการณ์อีกหลายเหตุการณ์ให้ติดตามชมค่ะ”

บทเรื่องนี้ถือว่าหนักสุดเท่าที่เคยเล่นมาไหม?
พระพาย – “ถ้าเป็นเรื่องของการถ่ายทำ เรื่องนี้น่าจะโหดที่สุด เพราะถ่ายติดกันหลายวันมาก แล้วถ่ายค่อนข้างดึก คือมันจะโหดเรื่องของเวลาการทำงานมากกว่า”

ร่วมงานกับเวียร์ เวียร์มีสอนอะไรบ้าง?
พระพาย – “เขาไม่ได้สอนตรงๆ เขาจะแนะนำมากกว่าว่าเล่นอย่างนี้นะ เขาไม่ได้สอนว่าควรจะเป็นแบบนี้ พี่เวียร์จะมีวิธีสอนของเขา อธิบายไม่ถูกค่ะ”

คาดหวังแค่ไหนกับละครเรื่องนี้?
พระพาย – “ไม่ได้มีความคาดหวังอะไรมาก เพราะหนูเคยคาดหวังมาแล้ว แล้วไม่ได้ดังหวังมันก็ผิดหวัง ถ้ามันเป็นไปได้ประมาณไหน ก็ขอให้มันเป็นแบบนั้นดีกว่าค่ะ อีกอย่างเราพยายามที่สุดแล้ว ผลจะออกมาอย่างไร เราก็ทำดีที่สุดแล้วค่ะ”

จบเรื่องนี้แล้ว มีเรื่องอื่นอีกไหม?
พระพาย – “กำลังจะฟิตติ้งเรื่อง ‘ฮักหลาย มายเลดี้’ เล่นคู่กับยูโร ยศวรรธน์ เรื่องนี้ชอบมาก เพราะที่ผ่านมาเล่นแต่ดราม่า ยอมคน อยากจะฉีกบทบ้าง อาจจะเป็นเพราะหน้าตาเราน่าสงสารมั้งคะ เขาถึงให้เล่นแต่บทที่ถูกกระทำ (หัวเราะ)”

ถือว่างานเยอะอยู่นะ มีละครติดๆ กัน?
พระพาย – “ไม่เยอะค่ะ รับทีละเรื่อง รับทีละหลายๆ เรื่องไม่ไหว กว่าจะจูนกับตัวละครได้ กว่าจะถ่าย กว่าจะได้ พักผ่อน คิดว่ารับทีละเรื่องดีกับตัวเอง จะได้เป็นการทำงานที่มีความสุขและทำได้ยาวนาน กลัวว่าถ้ารับสองเรื่องพร้อมกันจะทำออกมาได้ไม่เต็มที่ และตอนนี้ไปกองละครก็จะไปเช้าแล้วกลับดึก เป็นห่วงสุขภาพคุณแม่ เพราะคุณแม่เป็นคนคอยรับส่งค่ะ”

มีแพลนจะทำอย่างอื่นด้วยไหม ถึงรับละครน้อย?
พระพาย – “มีบ้างค่ะ มีเรื่องเรียนต่อที่ดูอยู่ พยายามบริหารเรื่องเวลาทำงาน และดูเวลาจังหวะชีวิตให้ดีว่าเราควรไปเรียนต่อไหม หรือรอไว้ก่อน ตั้งใจจะไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศด้วย คือจริงๆ ชอบทำงานในวงการนะ แต่ก็อยากจะทำงานอย่างอื่นที่มาเสริมกับงานที่เราทำอยู่ด้วย ต้องหาอะไรมารองรับในอนาคต เพราะเราก็ไม่ได้เป็นนางเอกได้ตลอดไป”

อายุเพิ่ง 25 เอง ทำไมคิดว่าอาจจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้นาน?
พระพาย – “พระพายเป็นคนคิดวางแผนล่วงหน้าอยู่แล้ว จริงๆ ได้มาทำงานในวงการก็ไม่ได้อยู่ในแพลน มีโอกาสก็ลองทำดูมาเรื่อยๆ แต่ใจจริงๆ อยากทำอย่างอื่นเหมือนกัน เพิ่งมีโอกาสว่าง ได้ค้นหาตัวเองก็ประมาณช่วงนี้ค่ะ”

เล่นละครมากี่เรื่องแล้ว?
พระพาย – “5 เรื่องค่ะ รับปีละเรื่อง ก่อนหน้านี้ติดเรียนก็รับได้น้อยอยู่แล้ว เพราะที่มหาวิทยาลัยไม่ช่วยเลย ก็อยากจะหางานมาเสริมหลังจากที่ทำงานตรงนี้เสร็จแล้ว รู้สึกว่าเรายังทำงานอย่างอื่นได้อีก ไม่อยากทำงานตรงนี้ทุกวันๆ เพราะงานตรงนี้ค่อนข้างหนัก ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวหรือกิจกรรมส่วนตัวเท่าไหร่ ก็ต้องเลือกว่าเราต้องแลกกับอะไร ชื่อเสียงเงินทอง หรือชีวิตส่วนตัว ต้องเลือกดีๆ”

เรียกว่าวางอนาคตแล้ว?
พระพาย – “ค่ะ เพราะในอนาคตพอแก่ตัวลงไปต้องมารองานจากคนอื่น เราจึงต้องสร้างอาชีพให้ตัวเอง ก็มีมองๆ ธุรกิจไว้บ้างว่าอยากลองทำอะไร แต่ก็ยังไม่ได้ไปเรียนหรือศึกษา ถ้าจะทำก็อยากให้ออกมาคุณภาพดี เลยยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเป็นพิเศษ ตอนนี้ทำงานแสดงก่อนค่ะ”

ต้องทำงานในยุคโควิด มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
พระพาย – “คิดว่าทุกคนชินหมดแล้วในการทำงานช่วงโควิด แต่ด้วยการถ่ายละครเราทำอะไรมากไม่ได้ เพราะต้องเล่นถึงเนื้อถึงตัวกัน ต้องเจอคนในกองถ่ายเยอะ ติดก็ติด แล้วก็รักษา ก็แค่ระวังอย่างเต็มที่ ซีซั่นนี้ยังรอดอยู่ค่ะ แต่ก่อนกลัวนะคะ แต่ตอนนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ทุกคนจะเป็น ถ้าเป็นก็รักษาตัว และดูระยะยาวว่ามันส่งผลอะไรกับร่างกายค่ะ”

วางแผนกับงานปีนี้ไว้อย่างไร?
พระพาย – “ไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย แค่ใช้เวลาว่างในการค้นหาตัวเอง หาสิ่งที่อยากลองทำดูที่นอกเหนือจากงานแสดง ส่วนเรื่องงานแสดงเราก็เต็มที่ ถ้าผู้ใหญ่ยังให้โอกาสก็อยากจะเล่นไปเรื่อยๆ แต่ก็อยากไปเรียนต่อด้วย สักครั้งในชีวิต ก่อนจะแก่ไปกว่านี้ ก็อยากไปใช้ชีวิตไปเรียนที่ต่างประเทศอย่างที่ฝันไว้ตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่าจะได้ไปเมื่อไหร่ วางแผนว่าอยากจะไปอังกฤษ เพราะเรียนโทที่อังกฤษใช้เวลาเรียนปีเดียว แต่ถ้าเป็นอเมริกาต้องใช้เวลาเรียนถึง 2 ปี ต้องรอดูจังหวะ ตอนนี้ขอทำงานเก็บตังค์ก่อนค่ะ”

เรื่องความรักกับหนุ่มหนุนเป็นอย่างไรบ้าง?
พระพาย – “ไม่มีอะไรมากค่ะ เหมือนคนทั่วไปที่มีแฟน เข้าใจกันดี มีความสุข เรื่องเวลาก็จูนกันได้ เพราะต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่างกันไป อีกอย่างเราไม่ได้รับละครทุกวัน ก็ยังมีวันว่างหาเวลาที่ว่างตรงกันมาเจอกัน ซึ่งเวลาไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเราคุยกันมาค่อนข้างนาน”

“คุยกันมา 4 ปีแล้ว แต่รู้สึกแค่แป๊บเดียวเอง อาจเพราะเรามีความสุขกับชีวิต ด้วยมั้งทำให้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว คุยกันมาตั้งแต่สมัยที่พระพายยังไม่ดัง ไม่ได้เป็นดารา เข้าใจและปรับตัวกันมาเรื่อยๆ จนรู้หมดแล้วว่าเวลาทำงานในวงการเป็นแบบไหน มันไว้ใจและเข้าใจกันเลยไม่มีปัญหาค่ะ”

อย่างฉากเลิฟซีนเขาว่ายังไงบ้าง ยิ่งเป็นนางเอกเลิฟซีนก็จะเยอะหน่อย?
พระพาย – “ช่วงแรกๆ เขาไม่ชอบเลย แต่หลังๆ เขาจะเปลี่ยนมาแซวแทน ขำๆ ค่ะ ถามว่าต้องบอกเขาก่อนไหมว่าเรื่องนี้มี เลิฟซีน คือมันเป็นส่วนหนึ่งของงาน เขาเองก็เข้าใจ ไม่ต้องมานั่งบอกกันทุกครั้งที่เล่นเลิฟซีน บางคู่อาจจะต้องบอกกัน แต่สำหรับคู่เราไม่ต้องค่ะ เพราะมันคือการทำงาน ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากนั้น”

เขาขอไหมว่าขอให้เล่นได้แค่ไหน?
พระพาย – “เขาไม่ได้ขออะไรเลย ก็จะอธิบายให้เขาฟังว่าตอนถ่ายมีคนเป็นสิบเลย หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร ทุกคนก็กลับมาเป็นตัวของตัวเอง ภาพไม่เหมือนตอนที่ออกอากาศ ตอนแรกเขาก็มีไม่ชอบบ้าง พอโตขึ้นคุยกันมากขึ้นก็ไม่มีอาการแบบนั้นแล้ว อีกอย่างเหมือนเขาไว้ใจเรามากๆ ทำให้เขาไม่กระวนกระวายเท่าเมื่อก่อน”

ส่วนหนึ่งเพราะเราเปิดตัวด้วยไหมว่าเรามีแฟนแล้วเป็นเขา ทำให้เขาเบาใจ?
พระพาย – “ใช่ค่ะ (หัวเราะ) พระพายไม่ได้ปิดแต่ก็ไม่ได้เปิดขนาดนั้น ถ้าถามก็ตอบ แต่ไม่ได้ลงรูปมากมาย ไปไหนก็ไปด้วยกันปกติ เขาลงรูปได้ปกติ แล้วด้วยความที่คุยกันมา 4 ปีแล้ว มันก็ค่อนข้างเข้าใจนิสัยใจคอกันมากพอสมควรแล้วค่ะ”

มีวางแผนอนาคตด้วยกันหรือยัง?
พระพาย – “ยังเลยค่ะ ถึงตอนนี้จะอายุ 25 แต่ก็ยังถือว่าเรายังเด็ก ยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น ต้องรออะไรอีกหลายๆ อย่างค่ะ”

แบบนี้ไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยกันไหม?
พระพาย -“ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ เพราะเขาก็ทำงานของเขา ถ้าเวลาไม่ได้ เราอาจจะไปก่อน เราไม่ติดเลยค่ะว่าจะไปเรียนด้วยกันหรือต่างคนต่างไป”7.tif

อนงค์ จันทร

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ