อาทิตย์ใส‘ณัฏฐ์’ยึดงานแสดงจนแก่ เปิดใจความรักคบ‘ฟ้า ษริกา’

Home » อาทิตย์ใส‘ณัฏฐ์’ยึดงานแสดงจนแก่ เปิดใจความรักคบ‘ฟ้า ษริกา’



‘ณัฏฐ์’ยึดงานแสดงจนแก่เปิดใจความรักคบ‘ฟ้า ษริกา’

อาทิตย์ใส

เป็นนักแสดงฝีมือดีมีผลงานโดดเด่น จนเข้าตาผู้กำกับฯ ‘เต๋อ’ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ คว้านักแสดงหนุ่ม ‘นัท’ ณัฏฐ์ กิจจริต มารับบท ‘เกา’ เซียนกีฬา Sport Stacking ตัวละครที่มีคาแร็กเตอร์สุดท้าทายในภาพยนตร์ “FAST & FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ” ของค่ายจีดีเอช ประกบคู่นางเอกสาว ‘ญาญ่า’ อุรัสยา เสปอร์บันด์ วันนี้จังหวะดีได้พูดคุยกับหนุ่มนัท ถึงที่มาในการแสดงภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว และอัพเดตเรื่องของหัวใจที่คบกับนักแสดงสาว ‘ฟ้า’ ษริกา สารทศิลป์ศุภา

เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ “FAST & FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ” ได้อย่างไร?

นัท – “ผมเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ถูกเรียกมาแคสต์ รู้แค่เป็นหนังจีดีเอชของพี่เต๋อ ตอนแรกยังไม่รู้ว่าพี่เต๋อมองหาอะไร จนเข้ารอบต่อๆ มาก็เริ่มมีคอมเมนต์จากเทปแคสต์รอบก่อนๆ แล้วความที่เพื่อนนักแสดงที่สนิทกัน ผ่านงานพี่เต๋อมาหมดแล้ว อย่าง ทู (สิราษฎร์) เบน (เบนจามิน) เลยไปถามว่าการทำงานของพี่เต๋อเป็นยังไง แต่เราดันมาเจอพี่เต๋อในอีกเฟสหนึ่งพอดี เลยเอ้า! ที่ถามมาเหมือนโดนหลอก (หัวเราะ)”

แล้วแบบนี้รับมือยังไง?

นัท – “ตอนแรกก็พยายามฟังให้เยอะที่สุดว่าแกจะเอาอะไร แต่พอเริ่มอ่านบทเยอะขึ้นจนใกล้ดราฟต์ที่เป็นไฟนอลก็จะเห็นว่าจริงๆ แล้วมันยังมีความเป็นพี่เต๋ออยู่ในนั้นแหละ อันนี้อาจจะเป็นแค่ท่าใหม่ของเขา ซึ่งสำหรับผมมองว่ามันน่าสนใจ”

หลายคนที่เคยร่วมงานกับเต๋อมักพูดว่าความต้องการ ของเขาบอกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้?

นัท – “ผมโชคดีครับ ผมไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นที่กองอื่นไหม แต่ผมกับพี่ญ่า (อุรัสยา) เราเจอกันตรงกลางว่าโอเคพี่เต๋อจะมีภาษานิ้วที่ชัดเจน ถ้าแกชี้นิ้วไปมาหน้ามอนิเตอร์แบบนี้แสดงว่าน่าจะมีอีกหลายเทก แต่ถ้านิ้วแกเริ่มพันกันแล้วจิ้มถี่ขึ้นหน้ามอนิเตอร์ แสดงว่าแนวโน้มน่าจะดีแล้ว อาจจะอีกไม่กี่เทก หรือบางทีอาจจะได้เลย ทั้งหมดนี้คือผมเริ่มจับทางได้ว่ามันเป็นวิธีสื่อสารของแก”

พอรู้ว่าต้องเล่นเป็นนัก Sport Stacking ทำการบ้าน อย่างไรบ้าง?

นัท – “พอรู้ปุ๊บก็เริ่มขอเท่าที่ขอได้ ขอคุยกับโค้ช ขอคุยกับนักกีฬา ขอแก้วมาลองเล่นเองตามยูทูบ เริ่มเองก่อนให้คุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น จนทุกอย่างคอนเฟิร์ม ทางกองก็พาไปรู้จักน้องนักกีฬาคนหนึ่ง คุยกันว่ารูทีนชีวิตเป็นยังไง โอเคอันนี้ชนกับฟุตบอลก็ตัดฟุตบอลออก ชนกับที่ต้องไปทำงานสถาปัตย์ก็ขอลดเวลาเข้าออฟฟิศ พยายามตัดทุกอย่างออกให้เหลือแค่ผมกับแก้ว แต่ผมไม่ได้ดีไซน์ไปไกลถึงขนาดที่ว่าบอดี้เขาหรือทรงผมเป็น ยังไง ผมใช้วิธีว่าถ้ามันสนใจแค่เรื่องแก้วก็เอาแค่เรื่องแก้ว ตอนนั้นผมยาวก็คิดว่าเดี๋ยวพอจะเริ่มถ่ายทำทางกองคงให้ตัดผมปรับลุกส์ ปรากฏพี่เต๋อบอกว่าเอาอย่างนี้แหละ เพราะถ้าคนสนใจอยู่แค่เรื่องเดียว มันก็คงจะสภาพนี้แหละ เหี่ยวๆ ผมยาวๆ”

“ยอมรับว่าตอนฝึกเล่น Sport Stacking ยากเหมือนกัน แต่ของผมมันมีเงื่อนไขว่าต้องทำให้ได้ แล้วพี่เต๋อก็ให้อีกการบ้านหนึ่งว่าไม่ใช่สักแต่เล่น แต่ช่วงระหว่างเล่นต้องจับสังเกตตัวเองว่ารู้สึกอะไร มีสมาธิในแวดล้อมแบบไหน ข้อดีข้อหนึ่งของพี่เต๋อคือพอเขารู้ว่าเราได้บทนี้ก็เริ่มคุยกันทุกวัน แล้วมันก็จะเริ่มมีบางเซนส์ที่ย้อนกลับไปที่บทว่ามันจะเริ่มเชื่อมโยงกันได้ เช่นแบบอารมณ์มันมีผลจริงๆ สภาพร่างกายเราตอนนั้นเพิ่งกินอิ่มกำลังย่อยมีสมาธิไหม อย่างผมทำงานสถาปัตย์บางทีต้องเขียนทั้งวันมือล้าไม่รู้ตัว พอกลับมาซ้อมบางทีเล่นไม่ได้เลย ซึ่งพอพี่เต๋อบอกว่าให้เริ่มจับสังเกตตัวเอง หลายๆ มุมไปปรับใช้กับบทได้ว่าเราเข้าใจมันแล้วที่มันมีอาการนี้เป็นเพราะอะไร”

แก้วก็ต้องเล่นให้ได้ แอ๊กติ้งก็ต้องได้ด้วย?

นัท – “อันนี้คือปัญหาเลยครับ คือต้องทำเรื่อยๆ บางทีเล่นแก้วดีมากเลย เล่นไปพี่เต๋ออยากปรับอารมณ์ใหม่ บางทีพูดก่อนอะไรก่อนอย่างดีมาก พอกล้องตามมาตอนเล่นแก้ว เอ้า…แป้ก ก็ต้องเริ่มใหม่ แต่เหมือนทางทีมงานก็วางแผนถ่ายทำมาค่อนข้างชัดเจนว่าวันนี้เป็นวันของแก้ว วันนั้นก็เตรียมใจมาเลยว่ากลับบ้านคือเละแน่ๆ แต่มันก็ท้าทายดีครับ”

พอถ่ายหนังเสร็จแล้ว คิดว่าจะเล่นกีฬานี้ต่อไปไหม?

นัท – “ถ้าพูดจริงๆ ไม่เอาแล้วครับ พอไม่ได้เล่นตั้งแต่เด็กแล้วมาเร่งช่วง 3-4 เดือน มันเหมือนเฆี่ยนตีตัวเอง พอปิดกล้องปั๊บผมก็เลยส่งคืน (หัวเราะ)”

ลำพังบทที่ได้รับก็หินแล้ว ยังต้องมาประกบนางเอกเบอร์ต้นอย่าง ‘ญาญ่า อุรัสยา’ อีก ยิ่งประหม่าไหม?

นัท – “ความที่เราเห็นมาตรฐานงานพี่ญ่า มาตลอด รู้ว่าเขาเป็นดาราเอลิสต์ของบ้านเรา อันนั้นเป็นความกดดันของผมอันแรกว่าแล้วข้าพเจ้าจะต้องยังไงดีล่ะเนี่ย (หัวเราะ) แต่พอได้เริ่มเวิร์กช็อป มันก็มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ในวันที่เราถ่ายทำมันค่อนข้างปกติ อาจจะมีตื่นเต้นบ้าง แต่ 90% ถือว่าโอเคเลย แล้วพอเราสบายตัวมันก็อนุญาต ให้เลเยอร์ที่พี่เต๋อเขียนมาว่า 2 คนนี้ มีความสัมพันธ์กันแบบไหน ก็ทำงานง่าย เพราะเหมือนเราก็มองพี่ญ่าเป็นเจ”

เคยมีหลุดบ้างไหมว่าอุ้ย! ญาญ่าอยู่ตรงหน้าเรา?

นัท – “จริงๆ ในกองไม่เท่าไหร่ เพราะพี่ญ่าไม่เคยทำตัวไม่ชิล ดังนั้นทุกคนจะรู้สึกเป็นปกติมากในกอง แต่จะมารู้สึกอีกทีหนึ่งตอนเลิกกองแล้ว กลับบ้าน สมมติป๊าม้าถามว่าทำงานกับพี่ญ่าเป็นยังไงบ้าง ตอนนั้นแหละเพิ่งจะแบบเชรี่ย! เพิ่งถ่ายงานกับพี่ญ่าไป นี่หว่า หรืออย่างพอปิดกล้องแล้วเราแยกย้ายกัน บางทีเห็นอินสตาแกรมก็แบบเฮ้ย! เพิ่งทำงานกับ พี่เขามานี่ คือเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ดี”

“ถ้าให้ประเมินเคมีผมกับ พี่ญ่าไม่แน่ใจ แต่ถ้าถามความรู้สึกตอนเข้าซีนกับพี่ญ่าผมชอบมาก มันเป็นเซนส์การตอบโต้ที่สนุก เรารู้สึกได้จริงๆ เลยว่าถ้าเราเป็นคนอย่างเกาก็ต้องเป็นเจเวอร์ชั่นนี้ที่ถึงจะเอาเราให้ช้าลงได้ ไม่ว่าจะเป็นซีนโรแมนติก ซีนเดือด หรือซีนดราม่า มันจะมีเส้นบางอย่างที่พี่ญ่าเล่นแล้วเป็นคนคอนโทรลเกาอีกทีหนึ่ง แล้วก็มีหลายซีนมากที่แค่เห็นหน้าพี่ญ่าก็รู้สึกแล้วว่านี่คือเจ”

ถามถึงความพอใจกับเส้นทางอาชีพนักแสดง?

นัท – “ยังไม่พอใจเลยครับ รู้สึกได้ว่ายังมีแผลอีกเยอะ ยังไปได้อีก หมายถึงอยากแสดงไปเรื่อยๆ จนแก่ พอเป็นเรื่องแสดงผมไม่ได้คิดกว้างขนาดนั้น แต่จะคิดแค่ว่าอยากไปกอง เอาบทตรงหน้านี้ให้ได้ก่อน ผมเคยให้สัมภาษณ์ไปครั้งหนึ่งด้วยว่าผมยังไม่เคยชอบงานตัวเอง 100% ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็น แม้กระทั่งเรื่อง FAST & FEEL LOVE”

นอกจากจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ถูกจับตาแล้ว ยังเป็นหนุ่มฮอตในหมู่สาวๆ ด้วย?

นัท – “ผมต๊องจริงๆ ไม่มีอะไรเลย (หัวเราะ) ด้วยโลกที่ผมอยู่คือบ้าน ออฟฟิศ เตะบอล แล้วก็มาออกกอง มันไม่ค่อยได้เจอคนใหม่ก็เลยเหมือนปิดหูปิดตานิดหนึ่งว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมว่าประมาณนี้ก็โอเคแล้ว คือมันก็ดีอยู่แล้วที่มีคนชอบ (หัวเราะ)”

แต่อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้หัวใจไม่ว่างแล้ว ความรักครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

นัท – “ใช่ครับ รอบนี้จะปิดให้เงียบเลย (หัวเราะ) ล้อเล่นๆหมายถึงว่าถ้าเป็นคนที่ตามโซเชียลผมก็จะเห็นว่าเราใช้ชีวิตยังไง ผมไม่ได้ปิดอยู่แล้ว ใช้ชีวิตปกติมาก แต่ผมรู้สึกว่าค่อนข้างอยากจะชัดเจนในเรื่องของการแสดงมาก่อน แล้วเรื่องส่วนตัวโยนไว้ไกลๆ เลย สำหรับผมแค่ รู้สึกว่ามันไม่ได้จำเป็นต่อการเป็นนักแสดง เท่าไหร่”

แล้ว ‘ฟ้า ษริกา’ เข้าใจโพซิชั่นที่ตัวเราวางไว้แบบนี้ไหม?

นัท – “คุยกันเรื่อยๆ ครับ ฟ้าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าที่ 1 กับที่ 2 ในชีวิตผมคืออะไร ก็คืองานแสดงกับงานสถาปัตย์ มันเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นที่ 1 ที่ 2 ของผมไปอีกนาน แม้กระทั่งป๊าม้าและครอบครัว ผมก็จะพยายามจริงใจกับเขามากๆ ว่าสำหรับผม 2 อันนี้คือที่ 1 ถ้าบางทีผมชุ่ยในเรื่องชีวิตประจำวันอะไรไปบ้างก็อภัยให้ผมเถอะ แต่คนรอบๆ ตัวจะค่อนข้างเข้าใจว่าถ้าเป็น 2 เรื่องนี้ปล่อยผมไปเถอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นดุด่าตักเตือนได้”

หลายคนมองว่าเคมีคู่เราเหมาะสมกันดี?

นัท – “(ยิ้ม) ไม่รู้เลยครับ แต่สำหรับผมเป็นความสบาย มุมมองของผมต่อความรักคล้ายๆ กับมุมมองที่มองชีวิต ว่าสุดท้ายแล้วไม่มี ใครที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของอะไร กันหรอก พูดง่ายๆ ประสบการณ์ในชีวิตมันสอนเหมือนกันว่าบางทีเยอะไปน้อยไป พอความผิดพลาดมันเกิดขึ้นมันก็จะมีราคา ที่ต้องจ่าย แต่ถ้าเราแค่คิดว่าเราไม่ได้ เป็นเจ้าของเขา เขาไม่ได้เป็นเจ้าของเรา สุดท้ายแล้วผมว่าทั้งเรื่องความรักและเรื่องชีวิตก็จะง่ายมากเลย”

ชอบคนนี้ตรงไหน?

นัท – “ส่วนมากผมจะชอบคนที่รู้ว่าจะหาความสุขใส่ตัวเองจากตรงไหน ไม่ใช่แค่คนที่อยู่ในฐานะแฟนเท่านั้น หมายถึงคนรอบตัวเลย เราจะชอบเสมอเวลาที่รู้ว่าจะเติมน้ำมันให้ตัวเองตอนไหน เช่นไม่ไหวแล้ววันนี้ขอไปตีแบตฯ หน่อย ขออยู่คนเดียว 3 วัน วันนี้ขอไม่ตอบไลน์ ขอนอนโง่ๆ ดูหนังครึ่งวัน ผมชอบอะไรอย่างเนี้ย เพราะจะรู้สึกว่าเซนส์การรู้ว่าตัวเองอยากได้อะไรมันมีเสน่ห์มาก แต่ผมจะไม่ค่อยรู้สึกสบายตัวกับคนที่ชั่งน้ำหนักความต้องการตัวเองกับแวดล้อมซะมาก ผมเลยจะสนใจคนที่ดูว่าตัวเองจะเอาอะไร”

พอมองฟ้าแล้วเหมือนมองเห็นตัวเองในเวอร์ชั่นผู้หญิงหรือเปล่า?

นัท – “อ๋อผมไม่ซุ่มซ่ามเท่าเขาแน่ๆ (หัวเราะ) แซวเล่นๆ คืออาจจะมีบ้างแหละที่เห็นแบบนั้นครับ”

จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ