อาตุ่ย รับโง่เองหลงผิดลัทธิ ใครเตือนไม่ฟัง เงินเก็บ100ล้านหมดเกลี้ยง แถมเป็นหนี้

Home » อาตุ่ย รับโง่เองหลงผิดลัทธิ ใครเตือนไม่ฟัง เงินเก็บ100ล้านหมดเกลี้ยง แถมเป็นหนี้



รับโง่เองเคยหลงผิดลัทธิ ตุ๊ยตุ๋ย พุทธชาด เล่าเสียงสั่นอุทาหรณ์ ใครเตือนไม่ฟังตาแข็งใส่ เงินเก็บ 100 ล้านหมดเกลี้ยง แถมเป็นหนี้หลายล้าน

นักแสดงพิธีกรอารมณ์ดี ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด พงศ์สุชาติ หรือ อาตุ่ย เปิดใจในรายการแฉ เสียงสั่นเครือ เผยอุทาหรณ์ชีวิตที่เคยหลงผิดลัทธิหนึ่ง หมดตัวไม่เหลืออะไรเลย เงินเก็บร้อยล้านหมดเกลี้ยง แถมเป็นหนี้อีกหลายสิบล้าน

โดยพิธีกร มดดำ คชาภา เล่าก่อนว่า มีหลายคนบอกว่าอยากรวยเหมือนอาตุ่ย ซื้อคอนโดหรูอยู่ใจกลางเมือง แล้วมีช่วงหนึ่งอาตุ่ยหายไปจากชีวิตมนุษย์ทุกคน เกิดอะไรขึ้น

ก่อน อาตุ่ย จะเล่าย้อนสาเหตุที่หายไปช่วงหนึ่งจากวงการ เคยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเคยอยู่ เคยมีความสุข เล่นกับน้อง มาทำงานในวงการบันเทิง ตอนนั้นมันกลายเป็นของที่ไร้สาระ มันเป็นงานอะไรก็ไม่รู้ เราไม่ควรทำ การทำสิ่งนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี ไม่ควรรับงาน ไม่ควรจะมายุ่งกับคนพวกนี้ ตอนนั้นที่คิดแบบนั้น เพราะด้วยถูกกรอบความคิด แต่เราก็โง่เองด้วย ไม่มีใครจะมากรอบความคิดเราได้ ถ้าเราไม่ได้มีวิบากกรรมเก่ากับเขา

มดดำ เล่าต่อ ครั้งหนึ่งเคยอยู่กันเหมือนครอบครัว แก๊งเดียวกัน ไปไหนไปด้วยกัน จนวันหนึ่งอาไก่ (สมพล) พูดว่าอาตุ่ยมันเปลี่ยนไป และเพิ่งมารู้ตอนจบแล้วว่าเขาคิดว่าการมาอยู่กับพวกเรา การรับงานวงการบันเทิง รับงานพิธีกรเป็นเรื่องไร้สาระ มันเปลืองเวลาของชีวิต อะไรที่ทำให้อยู่ดีๆ วันนั้นคุณคิดแบบนั้น?

อาตุ่ย ตอบว่า “มันเป็นเรื่องของการที่เอาตัวเองเข้าไปรับฟังเรื่องบางสิ่งบางอย่าง แล้วเห็นเป็นชอบ เห็นเป็นคุณธรรมอันแสนสูงส่ง แต่จริงๆ แล้วงานอาชีพวงการบันเทิงมันสร้างความสุขให้กับคน ถ้าดูให้เป็นมันจรรโลง เพื่อนฝูงที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากมันเยียวยาจิตใจของเราบนโลกที่เราอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายกันอยู่แล้ว เกาะกันเป็นกลุ่มก้อนเป็นความบันเทิงมันไร้สาระตรงไหน”

แม้กระทั่งมีแฟนก็ต้องเลิก?เพราะคิดว่ามันขัดขวางการทำคุณงามความดี ต้องบอกก่อนว่าในคำสั่งสอนแต่ละสำนักคือดีหมดนะ แต่มันอยู่ที่สติปัญญาของเราด้วย เพราะมันมีบางที่ที่เซ็ตอัพตัวเอง เลียนแบบโคลนนิ่งกับสิ่งที่เป็นของจริงของแท้ แล้วเขาก็ชักจูงเราไปภายใต้ภาพเหมือนเป็นของจริงของแท้ ถ้าเราไม่มีสติปัญญาทัน เราก็จะหลงเตลิดไป เหมือนอย่างที่อาเคยเป็น อาเสียเวลาในชีวิตเยอะมาก ประมาณ 6-7 ปี

ไม่ใช่ไม่มีคนพยายามเตือน แต่ใครเตือนปุ๊บเธอก็ผีบ้าใส่เขา ตาขวางใส่เลย?ตาแข็ง ตาขวาง อาไก่เคยพยายามจะพูด ก็ไปตาแข็งใส่เขา จนอาไก่เขาเสียใจ (เสียงสั่นเครือ) กลายเป็นว่าทำให้เราห่างกันเลย ไม่อยากโกรธเขา แต่รู้สึกว่าความห่วงใยที่มันจะทิ่มแทงจะขวางเรา ในครอบครัวบางคนอาจจะมีคนเป็นแบบอา หรือเพื่อนฝูงก็เป็น ถ้ามดดำเตือน อาก็จะรู้สึกว่ามดดำคือพวกมาร พวกคนบาป จะชักจูงเราไปในทางที่ไม่ดี เราอุตสาห์มาดีแล้ว แล้วเหยียดคนอื่นโดยไม่รู้ตัว แล้วคิดว่าตัวเองดีจัด เหยียดคนอื่นด้วย แย่มากตัวเองตอนนั้น

จนไม่เหลือใครในชีวิต? “ไม่เหลือ ไม่ใช่เพราะเขาเกลียดชังเรานะ โชคดีที่เป็นแบบไหนคนก็ยังรัก แต่ถ้าเตือนแล้วทำตาแข็งใส่เขา เขาเลือกที่จะถอย เขาก็บอกว่าวันหนึ่งถ้ามีสติ ถ้ารู้ตัว แล้วบาดเจ็บมา พี่จะกอดเอาไว้ พี่จะรับเสมอ(เสียงสั่นเครือ) ทั้งๆ ที่เราเคยทำตัวแบบนั้นกับทุกคน แล้วรู้สึกว่าคนไหนที่เราชวนให้ไปฟังในสิ่งที่เราได้รับ แล้วเขาไม่ไป โกรธเขามาก ก็ชวนมดดำ แล้วคิดว่าถ้ามดดำมากับเรา จะดีกว่านี้อีก เรารู้สึกโกรธที่มดดำหัวเราะเยาะ เดี๋ยวจะตกนรก มันอาจจะดีก็ได้ แต่สำหรับอามันสูญเสียไปเยอะ”

จนวันหนึ่งไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งเงินที่ทำมาที่มีเป็นหลักร้อยล้าน แต่ไม่เหลืออะไรเลย? “ก็รู้สึกว่าตัวเองสูญเสียอะไรไปเยอะ ขายของมา 13 ปี เก็บเงินเก่งด้วย แต่เราไปทุ่มเหมือนเราเป็นเอฟซี อยากจะทุ่มสปอยล์เอาใจ เอาไปซื้อข้าวซื้อของ พอมานั่งคิดทบทวนตรงนี้นะ ถ้าคนอื่นซื้อเท่านี้ เราจะได้ซื้อแพงกว่ามากๆ ตังค์มันก็จะไปหมดตรงนั้น มันสูญสลายมลายสิ้นไป

เงินที่หามาได้จากการทำงานก็ไม่เหลือเลย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือหนี้สิน? “ตอนนี้ก็พยายามกลับมาทำงานในวงการบันเทิง แล้วก็ไปโฟกัสการค้าขายมากขึ้น แต่มันก็ยังไปกอบกู้มาไม่ได้มากมาย ยังมีหนี้ติดอยู่หลายสิบล้าน ทุกวันนี้ยังขับรถคันเก่า 6 ปีที่แล้ว ไม่เคยเปลี่ยนรถเลย มีรถใช้อยู่คันเดียว แต่งตัวเหมือนเป็นคนชอบสมถะ แต่จริงๆ ไม่มีตังค์จะแต่ง(หัวเราะ)”

ทองที่ซื้อเก็บไว้ก็ไม่เหลือแล้ว? “ขายหมดเลย คือมันเป็นเรื่องของความหลงผิด ฉะนั้นคุณผู้ชมอย่าได้วู่วามนะว่าเงินทองที่ใส่ลงไปจะทำให้เราได้สติ ได้ปัญญา ได้เป็นคนที่ดีขึ้น ไม่ใช่นะคะ มันอยู่ที่การปฏิบัติตัวของเรามากกว่า

ไม่ต้องติดผู้ชาย ไม่เล่นการพนัน ไม่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่ไปเชื่อบางสิ่งบางอย่างหมดเกลี้ยง และมีของแถมมาหลายสิบล้าน? “แต่ก็พยายามคิดทุกอย่างในแง่บวก ว่าอย่างน้อยเราก็ได้เป็นอสังหาริมทรัพย์ คิดแบบนี้ไปก่อน เพื่อเป็นแรงใจยืนหยัดในการทำงานจากนี้ไป คิดอะไรบวกๆ แต่สิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ คือความรักที่เกิดขึ้นจากคนที่รักเรา ห่วงเรา เขาต้องผิดหวังแค่ไหน แม่อาอยากจะเตือน อยากจะพูด แต่พอไปแตะ บรรยากาศมาคุ หน้าจะตึงแข็งขึ้นมา แม่อยากจะเตือนมากๆ แต่สุดท้ายแม่ไม่เตือน เพราะกลัวลูกบาป สิ่งที่เราสูญเสียคือคนที่รักเรา เขาเสียใจ แฟนคลับรู้ คุณผู้ชมทางบ้านรู้และติงอามาด้วย สุดท้ายอามานั่งอ่านคอมเมนต์ ถ้าเขาไม่เคยรักเรา เขาจะไม่ผิดหวังในตัวเรา แล้วในเวลานั้นอาทำให้หลายคนผิดหวังในตัวเรา มันเสียใจมากตรงนั้น เรื่องเงินทองที่หายไปมันก็คือเงินทอง แต่ความรักที่หายไปมันเยอะมาก มิตรภาพ

จนมีพระบอกว่าเชื่อเรื่องเวรกรรมไหม มันคือเวรกรรมที่ทำกับเขามา? “เป็นวิบากกรรมเก่าที่เราต้องชดใช้เขา”

บทเรียนครั้งนี้สอนอะไรเราบ้าง? “ถ้าเราทำมาหาได้ มีสัมมาอาชีพ มีกัลยาณมิตร แต่ใจยังไม่เป็นสุข เรายังดีไม่มากพอ นั่นเป็นเพราะตัวของเรา ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเอาเงินไปบริจาคทานจนหมดเกลี้ยง หรือไม่รับงานที่ทำอยู่ ทอดทิ้งทางโลกไป อันนั้นเป็นการหลงผิด แต่เราจะเป็นคนที่ดีขึ้นได้ เราต้องเห็นความรักของคนที่ห่วงใยเราอย่างแท้จริง เรารักเขา เขารักเรากลับ เห็นคุณค่าของงานที่เราทำอยู่ในปัจจุบันอย่างมีความสุข ไม่ต้องไปดีกว่าใคร”

เชื่อว่าตัวเองโดนของ วันนั้นเกิดอะไรขึ้น? “เกิดจากการที่เราอยากมี และเห็นภาพลักษณ์อันดีนั้น เซ็ตติ้งที่น่าเชื่อถือ แล้วที่มดดำถามอันนั้นมันแรงนะ แต่ก็มีคนพูดว่าทำไมเธอหลงจัง ทำไมหลงขนาดนั้น โดนให้กินอะไรหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้จริงๆ แต่เราไม่ปกติตนคนสงสัยแบบนั้น ซึ่งถ้าไม่มีหลักฐานเราพูดไม่ได้”.

ที่มารายการแฉ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ