สืบเนื่องจากกรณี คลิปไวรัล ที่เป็นเรื่องถกเถียงกันในโลกโซเชียล หลังจากที่มีผู้ใช้ Tiktok รายหนึ่งนั้นออกมาแชร์วิธีการกิน เต้าหู้ขน ทั้งกินดิบๆและปรุงรส ซึ่งเธอนั้นไม่ได้เพียงรีวิวการกินอย่างเดียว แต่ยังสอนวิธีการทำอีกด้วย โดยวัตถุดิบอุปกรณ์ที่ทำ มีชาวเน็ตหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การที่ เต้าหู้ขน มีขนหรือบางชิ้นมีราดำ นั้นสามารถกินได้จริงๆหรือ อีกทั้งกระบวนการทำ เจ้าตัวยังเอาไปบ่มในใบตองอีกด้วย งานนี้ทั้งวิชาการและหมอ ในโลกออนไลน์ต่างออกมาให้ความรู้กันเพียบ
ล่าสุดผู้เชียวชาญและอาจารย์ชื่อดังอย่าง อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั้นก็ได้ออกมาให้ความรู้เรื่องนี้เช่นกัน โดย อาจารย์เจษ นั้นมีความเห็นว่า
- ดรามาฉ่ำ! ‘เต้าหู้ขน’ เมนูฮิตจากจีน สาวไทยบ่มขึ้นราดำ ลั่น ว่ากินได้?
- ข้อควรระวัง ! การรับประทาน “เต้าหู้ขน” ที่กำลังฮิตในโลกTiktok
อาจารย์เฉลยแล้ว เต้าหู้ขน กินได้หรือไม่
“เชื้อราเทมเป้ แก่แล้วเป็นสีดำ และยังกินได้” เป็นเรื่องจริงครับ แต่ควรทำให้สุก และมีข้อควรระวังด้วยนะ วันนี้ มีเรื่องที่หลายคนสงสัย จากกรณีที่มีคลิป tiktok คุณผู้หญิงท่านหนึ่ง สอนทำเมนู “เต้าหู้ขน” แบบอาหารจีน ด้วยการนำเต้าหู้มาหมักบ่มกับเชื้อราที่ใช้ทำ “เทมเป้” จนมีราสีขาว ขึ้นฟูฟ่อง แล้วนำมากินให้ดู …. ทำให้คนทักกันว่ากินได้จริงหรือ ? แถมราขาวที่เห็นนั้น ก็มีราสีดำๆปนด้วยจะเป็นอันตรายหรือไม่ ?
คำตอบคร่าวๆ คือ เชื้อราเทมเป้ที่เอามาใช้ทำเต้าหู้ขนนั้น เป็นสายพันธุ์เชื้อราที่นำมาบริโภคได้ โดยไม่อันตรายกับคนทั่วไปครับ (แต่ต้องระวังในคนที่มีโอกาสแพ้เชื้อรา หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ) และเมื่อเจริญเติบโตจนถึงช่วงสร้างสปอร์แล้ว ก็จะมีสปอร์สีดำจริงๆ ครับ
แต่ทั้งหมดนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการปนเปื้อนของเชื้อรา ชนิดอื่นๆ ที่มากับอากาศ และเจริญเติบโตแทรกลงไปด้วยนะครับ! ซึ่งเชื้อจุลินทรีย์พวกนี้อาจจะทำให้เกิดปัญหากับสุขภาพได้ครับ
ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะมั่นใจว่าไม่ได้มีเชื้ออื่นๆ ที่ปนเปื้อนมาก็ตาม ก็ควรจะนำไปทำเป็นอาหารที่ปรุงสุก ไม่ว่าจะเป็นการทอด , ย่าง , ผัด ฯลฯ เสียก่อน ดีกว่านำมากินสดๆอย่างในคลิปครับ
หรืออีกนัยหนึ่ง ก็ควรมองในเชิงการได้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ (หรือที่เรียกว่า prebiotics พรีไบโอติกส์) มากกว่าที่จะกินเพื่อเอาเชื้อราที่ยังมีชีวิต (หรือ probiotics โปรไบโอติกส์) เข้าไปครับ
ที่มา : อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์