รู้จัก “ภาวะโลกเดือด (Global Boiling)” ที่ส่งผลให้มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั่วโลกต้องเผชิญกับสภาพอากาศลมฟ้าแบบสุดขั้ว เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่กระทบในวงกว้าง ทั้งสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ วิกฤติน้ำแล้ง ความมั่นคงทางอาหาร และปัญหาสุขภาพ
เชื่อว่าทุกคนคงคุ้นหูกับคำว่า “ภาวะโลกร้อน” หรือการที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือนกระจก (Green house effect) แต่ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ออกมาประกาศ ระบุว่า
“ยุคภาวะโลกร้อนสิ้นสุดลงแล้ว พวกเรากำลังอยู่ในยุคภาวะโลกเดือด”
แล้ว “ภาวะโลกเดือด” ที่ UN และนักวิชาการทั่วโลกออกมาเตือนคืออะไร Sanook พาทุกคนไปทำความรู้จักภาวะโลกเดือด สัญญาณภัยพิบัติอันตรายที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทั่วโลก และการรับมือที่ทุกคนมีส่วนช่วยได้
ภาวะโลกเดือด คืออะไร?
ภาวะโลกเดือด คือภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง หรือมนุษย์กำลังเข้าสู่ช่วงของยุคที่ร้อนขึ้นจนเป็นสถิติและจะเกิดบ่อยขึ้น ซึ่งแปลว่าโลกกำลังร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อเดือนกรกฏาคม 2566 ที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ “ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์” ในรอบ 120,000 ปี ขณะที่องค์กร NASA ที่ติดตามตรวจวัดอุณหภูมิจากสถานีตรวจอากาศนับหมื่นแห่ง ก็พบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคม 2566 ถือเป็นเดือนที่ “ซีกโลกเหนือ” ร้อนที่สุดในรอบ 170 ปี และน้ำแข็งก็จะละลายไวขึ้น 6 – 7 เท่า เมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน
Getty Images
ภาวะโลกเดือดสะท้อนผ่านความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศและภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ไล่ตั้งแต่เรื่องความผันผวนทางสภาพอากาศ ความเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อม น้ำท่วมฉับพลัน ภัยแล้งจากเอลนิโญ ไปจนถึงคลื่นความร้อนที่นำไปสู่ปัญหาไฟป่า และการเสียชีวิตของผู้คนหลายร้อยคนทั่วโลกจากโรคฮีทสโตรก
- รู้จักโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก สาเหตุ วิธีป้องกันที่ควรรู้
- “ฮีทสโตรก – Heat Stroke (ลมแดด)” ภัยเงียบหน้าร้อน ทำให้เสียชีวิตได้ จริงไหม?
สำหรับประเทศไทย จากการเก็บข้อมูลก็พบว่าในปี 2565 มีแนวโน้มอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1.5 องศาเซลเซียส โดยเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา จังหวัดตากมีอุณหภูมิสูงถึง 44.6 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่อันตรายมาก และคาดว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุของโลกเดือด
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงประเด็น “จากรหัสแดงโลกร้อนสู่โลกเดือดอนาคตที่เราต้องเลือก” ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ปี 2565 มีอุณหภูมิสูงกว่าอดีต 1,000 – 10,000 ปี มาจาก 4 ปัจจัยหลัก ดังต่อไป
- การกระทำของมนุษย์จากการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 1.2 องศาเซลเซียส
- ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรง ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีก 0.2 – 0.3 องศาเซลเซียส
- ช่วงเวลาการปลดปล่อยพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.05 องศาเซลเซียส
- การระเบิดของภูเขาไฟ Tonga-Hunga ทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.035 องศาเซลเซียส
Getty Images
การกระทำของมนุษย์อาจจะเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานจากฟอสซิล อุตสาหกรรม โรงงานขนาดใหญ่ต่าง ๆ การตัดไม้ทำลายป่า การทำปศุสัตว์ การขนส่ง การคมนาคม และอีกมากมายหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของมนุษย์
ทางรอดภาวะโลกเดือด
ภาวะโลกเดือดย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางรับมือหรือแก้ปัญหา แน่นอนว่ารัฐบาลย่อมมีส่วนสำคัญในการจัดการและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาเอลนีโญที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแน่นอน ซึ่งในแต่ละประเทศก็ได้ออกกฎหมายและข้อตกลงมาจัดการกับปัญหาดังกล่าว เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ก็มีการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ปัญหานี้
Getty Images
ในขณะที่รัฐบาลต้องยกให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่เร่งด่วนและสำคัญ ประชาชนทุกคนก็สามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกเดือดได้เช่นกัน เริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และตระหนักรู้ถึงปัญหาทางธรรมชาติ ที่ไม่เริ่มต้นแก้ไขตั้งแต่วันนี้ เราอาจจะไม่มีโลกใบนี้ให้ลูกหลานในอนาคตได้อยู่กันอีกต่อไป
- เริ่มวันนี้! เปลี่ยนชื่อกรมเป็น “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม”
- ย้อน 25 เหตุการณ์ “พลิกโลก” ที่เกิดขึ้นในรอบ 25 ปี