อาการน่าเป็นห่วง : สภาวะ "ทีมแตก" และความน่ากังวลที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องเจอในซีซั่นหน้า

Home » อาการน่าเป็นห่วง : สภาวะ "ทีมแตก" และความน่ากังวลที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องเจอในซีซั่นหน้า

เพราะเมื่อบางสิ่งบางอย่างถึงจุดสิ้นสุด ก็หมายถึงการเปิดขึ้นของประตูบางบานในคราวเดียวกัน เพียงแต่การ “ตกชั้น” ยุติช่วงเวลา 9 ปี พรีเมียร์ลีก ของ เลสเตอร์ ซิตี้ กลับดูเหมือนว่ามันจะเป็นการเปิดกล่อง “แพนโดร่า” ขึ้นเสียมากกว่า เมื่อชัดเจนว่าพวกเขากำลังเข้าสู่สภาวะ “ทีมแตก” ขุมกำลังนักเตะเริ่มปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ และยังมีเรื่องน่ากังวลสำหรับซีซั่นหน้ารออยู๋อีกเพียบไปหมด

ปัจจัยของการดิ่งเหว

แน่นอนอยู่แล้วว่าโดยชื่อชั้น การเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อ 7 ปีก่อน บวกด้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2021 นี่เอง จึงไม่ควรเลยที่ เลสเตอร์ ซิตี้ จะต้องตกชั้น หรือกระทั่งว่าต้องมาดิ้นหนีตายเอาในฤดูกาลล่าสุดนี้

แต่ก็ด้วยเพราะปัจจัยเสื่อมหลายๆ อย่างมาบวกกัน เป็นต้นว่า

– ดีลล้มเหลว

ชัดเจนว่าทั้งสโมสร และ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต่างก็ดูจะ “ชะล่าใจเกินไป” กับการปล่อยให้ขุมกำลังนักเตะของตัวเองก้าวเข้าสู่ช่วง “หมดอายุการใช้งาน” แล้วไม่ได้เสริมทัพปรับเปลี่ยนให้ตรงจุดมากพอ

ความตงิดๆ เริ่มมาตั้งแต่ซีซั่นก่อนแล้ว ซัมเมอร์ 2021 ซึ่งแต่ละดีลล้วนแต่ออกทรงติดลบ เงินทุนหลายสิบล้านปอนด์ (50-60 ล้าน) ที่เทลงตลาดไป ได้ตัวใหม่มาอย่าง แพ็ตสัน ดาก้า, บูบาการี่ ซูมาเร่, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ที่ล้วนแต่สอบไม่ค่อยผ่าน ครั้นมาซีซั่นนี้ ซัมเมอร์ 2022 การเสียทั้ง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล และ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ก็ดันเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการที่ต้องรัดเข็มขัดประหยัดงบ เน้นซื้อถูกสตางค์เข้าว่า

ผลคือคุณภาพโดยรวมของขุมกำลังที่ “ด้อยลง” อย่างชัดเจนจากชุดก่อนๆ

– โครงสร้างพื้นฐาน ไม่ช่วยอะไร

ที่จริงถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ คิง เพาเวอร์ ในยุคของ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เน้นเรื่องของการสร้าง “โครงสร้างพื้นฐาน” ให้กับสโมสร ลงทุนใหญ่นับร้อยล้านปอนด์ไปกับสนามซ้อมแห่งใหม่ สร้างระบบสาธารณูปโภค, ศูนย์ฟิตเนส, ระบบวิทยาศาสตร์การกีฬา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย

แต่เมื่องบก้อนใหญ่ถูกใช้ไปกับส่วนนั้น เงินที่จะเหลือมาเพื่อเพิ่มคุณภาพด้านฟุตบอลโดยตรง ก็หดหาย และต้องยอมรับว่า เลสเตอร์ ไม่ใช่ทีมที่เก่งกาจด้านการตลาดมากนักด้วย

– ช้าๆ ได้พร้า…เข้าหน้า

แรกสุดคือพวกเขาขยับตัวช้าไปนิดกว่าจะปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ออกจากตำแหน่ง (2 เม.ย., อันดับถอยสู่โซนแดง) ถัดมาก็คือมัวแต่ชักช้า ใช้งานรักษาการกุนซือไร้ประสบการณ์อย่าง อดัม แซดเลอร์ อยู่ 2 นัด และแพ้คาบ้านทั้งสอง (1-2 แอสตัน วิลล่า, 0-1 บอร์นมัธ)

กว่าที่ ดีน สมิธ จะเข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้ ก็สายไปเสียแล้ว

เพราะอันที่จริง ผลงานของ สมิธ บนเก้าอี้กุนซือจิ้งจอก ไม่ถือว่าเลวร้ายเลย กับการพาทีมลงสนามโค้งท้าย 8 นัด ชนะ 2 เสมอ 3 และแพ้แค่ 3 เกมเท่านั้น

เพียงแต่เมื่อบวกกับช่วงเวลาของความสะเปะสะปะก่อนหน้านั้น มันก็จึงปรากฏภาพช้ำเลือดช้ำหนองของการชนะได้แค่ 2 จาก 16 เกมท้าย และทำให้ เลสเตอร์ ขาดคะแนนที่ควรมีไปแค่เอื้อม ตกชั้นด้วยการเป็นอันดับ 18 ตามหลัง เอฟเวอร์ตัน 2 แต้มเท่านั้นเอง

Jamie VardyJamie Vardy – ไปแล้ว 7

เรียบร้อย… คงไม่ถึงกับเป็นข่าวสุดช็อค แต่ก็เป็นเสมือนสายฟ้าที่ผ่าลงตรงกลาง คิง เพาเวอร์ สำหรับสภาวะ “ทีมแตก” การที่มีอย่างน้อยแล้ว 7 คนในทีมชุดใหญ่ จะไม่ต่อสัญญาที่จะหมดอายุลง 30 มิ.ย. นี้ เพื่อจากลา เลสเตอร์ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับที่อื่น

สำคัญคือ หลายตัวในนี้เป็นแกนหลักของ เลสเตอร์ ตลอดหลายปีหลังเสียด้วย

– ยูรี่ ตีเลมันส์

มิดฟิลด์เบลเยียม ลงสนาม 37 นัดซัด 4 ประตูในซีซั่นนี้

– ชากลาร์ โซยุนซู

เซนเตอร์แบ็กตุรกี เจ็บหนักจนเล่นซีซั่นล่าสุดแค่ 9 นัด แต่ถ้าย้อนไปก่อนนั้น คือเป็นตัวหลักแบบลงสนาม 30-40 นัด เป็นเรื่องปกติ

– ดาเนี่ยล อมาร์ตีย์

กลางรับกาน่า ที่ถูกถอยลงยืนเซนเตอร์แบ็กเป็นระยะ เล่น 24 นัดซีซั่นนี้

– นัมปาลิส เมนดี้

มิดฟิลด์เซเนกัล ลงสนาม 24 เกมเช่นกัน แม้ส่วนใหญ่เป็นสำรอง

– ไรอัน เบอร์ทรานด์

แบ็กที่ถูกลืม ตัวนี้ปล่อยไปไม่เสียหาย

– อโยเซ่ เปเรซ

กองหน้าสแปนิช ถูกส่งยืมไป เรอัล เบติส ช่วงครึ่งซีซั่นหลัง จากที่ครึ่งซีซั่นแรกยังได้เล่น 13 เกม มียิง 1 ประตูด้วย

– เตเต้

ปีกแซมบ้า ตัวยืมจาก ชัคตาร์ โดเนทส์ค ลงสนาม 14 นัดยิง 1 ประตู เมื่อหมดสัญญายืมแล้วก็กลับที่เก่า

นอกจาก 7 คนนี้ ก็ยังมีอีก 2 รายที่ เลสเตอร์ ต้องรีบเคลียร์ให้ชัด คือ จอนนี่ อีแวนส์ เซนเตอร์แบ็กตัวเก๋าวัย 35 กับ ฮัมซ่า เชาดรี้ มิดฟิลด์เชื้อสายบังกลาเทศ ซึ่งซีซั่นนี้ถูกส่งยืมไปเป็นตัวหลักของ วัตฟอร์ด

สองคนนี้ สัญญาก็จะหมดสิ้นเดือนด้วยเช่นกัน เท่ากับมีแค่ 2 ทางเลือกคือ รีบคุยให้ลงตัว จัดต่อสัญญาเพิ่มไปให้ได้ หรือไม่ ก็ปล่อยฟรีอีกเหมือนกลุ่มข้างต้น

Caglar Soyuncu, Youri TielemansCaglar Soyuncu, Youri Tielemans ต้องเคลียร์อีกนับสิบ

เพราะก็ไม่ใช่ว่าต้องเคลียร์อีกแค่ 2 แล้วจะสบายใจได้ เมื่อยังมีกลุ่มแข้งเกือบสิบรายที่จะหมดสัญญาปีหน้า 2024 และ เลสเตอร์ ต้องตัดสินใจภายในหน้าตลาดนี้ ว่าจะเทขายใครออกบ้างเพื่อทำเงิน หรือเลือกเก็บใครไว้บ้าง เพื่อหาโอกาสเจรจาสัญญาฉบับใหม่ต่อไป

นี่คือกลุ่มหมดสัญญาปีหน้า : อเล็กซ์ สมิทธีส์, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, เดนนิส ปราเอ้ต์, เจมี่ วาร์ดี้, วิลเฟรด เอ็นดิดี้, เจมส์ แมดดิสัน, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่, ลุค โธมัส, มาร์ก อัลไบรท์ตัน

ชัดสุดคือ เจมส์ แมดดิสัน ที่ เลสเตอร์ ยังพอจะทำเงินได้ 30-40 ล้านปอนด์สำหรับการปล่อยขาย เพื่อนำเงินมาพยุงสโมสร ชดเชยการตกชั้น รวมถึงพวก ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, เดนนิส ปราเอ้ต์, มาร์ก อัลไบรท์ตัน ก็ดูว่าไม่น่ามีอนาคตกับทีมแล้ว (ขณะที่ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ เหลือสัญญาถึง 2025 แต่ถ้าขายตอนนี้ก็ทำเงินได้น่าจะพอๆ กับ แมดดิสัน)

สำคัญสุดคือ เจมี่ วาร์ดี้ ผู้เป็นตัวจบสกอร์ความหวังสูงสุดมาหลายปีดีดัก และอยู่ในการเดินทางของสโมสรทั้งขึ้นทั้งลงตลอดทศวรรษหลังมานี้

จากการเผยล่าสุดของหัวหอกวัย 36 แสดงให้เห็นชัดว่าเขา “ใจสลาย” อย่างรุนแรงต่อการตกชั้นของต้นสังกัด จนถึงขั้นว่าขอเวลาตัดสินใจอีกหน่อย ว่าจะเล่นต่อหรือ “แขวนสตั๊ด” ตัดจบมันเสียตรงนี้ ดีกว่ากัน

“เราทุกคนต้องรับผิดชอบ และควรรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะทำงานของเราให้ออกมาดี และเห็นได้ชัดว่าเราทำไม่สำเร็จ ไม่มีข้อแก้ตัวหรือคำพูดใดๆ ที่สามารถทำให้เรื่องนี้เป็นที่ยอมรับได้” วาร์ดี้ เผยโดยไม่ได้บอกให้ชัดว่าจะอยู่ช่วยทีมลุยศึก ชปช. ต่อแน่ๆ “และคงถึงเวลาแล้วสำหรับการไตร่ตรองส่วนตัว และตระหนักถึงความสำคัญของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”

FBL-ENG-PR-LEICESTER-WEST HAMFBL-ENG-PR-LEICESTER-WEST HAMกุนซือก็ยังไม่ชัด

อย่างที่ว่าไว้ในข้อข้างต้น ว่า ดีน สมิธ ทำงานใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ได้ผลไม่เลวจาก 8 เกมสุดท้าย แม้จะไม่อาจพาทีมรอดตกชั้นได้ในท้ายที่สุดก็ตาม

ปัญหาก็คือ สัญญาของอดีตกุนซือ แอสตัน วิลล่า กับบรรดาผู้ช่วยอย่าง จอห์น เทอร์รี่ และ เคร็ก เช็คสเปียร์ ต่างก็ทำไว้เพียง “ระยะสั้น” แค่ถึงจบซีซั่นนี้เท่านั้น

นั่นหมายถึงว่านาทีนี้ เลสเตอร์ นอกจากอยู่ในสภาวะทีมแตกแล้ว ก็ตกที่นั่งของการ “ไร้หางเสือ” ไม่มีกุนซือใหญ่ด้วยเหมือนกัน

รายงานล่าสุุดจาก เดอะ เทเลกราฟ บอกว่า บอร์ดจิ้งจอกกำลังเจรจากับ สมิธ อยู่ ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป เมื่อที่จริงพวกเขาก็พอใจกับผลงานของทีมในช่วงที่โค้ชวัย 52 เข้ามารับเผือกร้อน แต่ก็คงขึ้นอยู่กับตัว สมิธ เองว่าจะยินดีคุมทีมสู้ศึกลีกรองหรือไม่

ส่วนถ้าคุยกันไม่ลงตัว ต้องแยกย้ายกันในท้ายที่สุด ก็ว่ากันว่า เลสเตอร์ มีตัวเลือกกุนซือใหม่อยู่ประมาณ 4-5 ราย

  • เอ็นโซ่ มาเรสก้า อดีตมิดฟิลด์อิตาเลียน ที่รับบทมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่ตอนนี้

    สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกุนซือ แอสตัน วิลล่า อีกราย และอดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล

    สกอตต์ พาร์คเกอร์ อดีตกุนซือ บอร์นมัธ ที่โดนเด้งจาก คลับ บรูช เมื่อเดือน มี.ค.

    คีแรน แม็คเคนน่า กุนซือ อิปสวิช ทาวน์ ที่เพิ่งพาทีมม้าขาว คว้ารองแชมป์ ลีก วัน ตีตั๋วเลื่อนชั้นขึ้น ชปช. ซีซั่นหน้า

James Maddison, Dean SmithJames Maddison, Dean Smithซีซั่นหน้า…รู้อะไรแล้วบ้าง?

เอาที่เป็นข้อมูลพื้นฐานก่อน ว่านี่คืออะไรที่ เลสเตอร์ จะต้องเจอแน่ๆ ในอนาคตอันใกล้

  • 10 มิ.ย. : ตลาดนักเตะ ซัมเมอร์ 2023 เปิดเป็นทางการ

    22 มิ.ย. : รับทราบ โปรแกรมเตะ อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นใหม่ 2023/24 ที่จะถูกเปิดเผยในวันนั้น

    23 ก.ค. : มาทัวร์เมืองไทยเตะปรีซีซั่น (ด้วยกุนซือคือใคร ทัพนักเตะหน้าตาแบบไหน ไม่รู้) โดยลงเล่นกับ สเปอร์ส ที่ราชมังคลาฯ

    30 ก.ค. : ไปเจอกับ ลิเวอร์พูล ที่สิงคโปร์

    4-5-6 ส.ค. : เริ่มต้นเตะ ชปช. เกมเปิดซีซั่น

    1 ก.ย. : ปิดตลาด ซัมเมอร์ 2023

ห้าหกข้อข้างต้นนี้ คือเรื่องที่พอจะรู้แล้วสำหรับซีซั่นหน้า 2023/24

แต่เรื่องที่ยังไม่รู้ และน่าเป็นกังวลใจมิใช่เบายังรอ เลสเตอร์ อยู่อีกเพียบ –  นอกจาก 7 คนที่ยืนยันย้ายออกแล้ว จะมีใครที่ตามไปอีกบ้าง, จะต้องขายใครเพื่อทำเงินเข้าสโมสร, จะเหลือเงินเท่าไหร่ในการเสริมทัพ, จะได้ใครมาบ้างในหน้าตลาด, ขุมกำลังสู้ศึกซีซั่นใหม่จะเป็นแบบไหน, กุนซือใหม่จะเป็นใคร, ต้องดันเด็กเยาวชนขึ้นมาเล่นชุดใหญ่สักกี่ราย, เจมี่ วาร์ดี้ จะยังอยู่เล่นต่อไหม, ฟอร์มและผลงานจะสู้คู่แข่งรายอื่นในลีกรองได้หรือไม่อย่างไร

ตีรวมๆ ก็คงพอเห็นว่า เลสเตอร์ 2023/24 อาการน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และหากมองในแง่ร้าย ก็วางใจไม่ได้เลยสักนิดว่า จิ้งจอกสยาม จะไม่ก้าวพลาดซ้ำสอง สะดุดล้มหน้าทิ่มลงต่ำไปอีกดิวิชั่น!

Leicester City v West Ham United - Premier LeagueLeicester City v West Ham United – Premier League

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ