รายการข่าวจบคนไม่จบ กับสองพิธีกรดัง อั๋น-คำผกา ชวนมาฟัง ถกปมประเด็นร้อน ชูวิทย์VSทนายตั้ม จากแฉไปไถไป ถึงแถลงไป ไถไป วงการทนายสะเทือน

วันที่ 28 มี.ค.2566 ข่าวสดออนไลน์จัดรายการ ข่าวจบ คนไม่จบ กับสองพิธีกรดัง อั๋น ภูวนาท & แขก คำผกา ในประเด็นร้อน “แฉไป ไถไป ถึง แถลงไป ไถไป เปิดศึกอีก ชูวิทย์VSทนายตั้ม วงการทนายสะเทือน”

อั๋น กล่าวว่า พูดตรงๆ สิ่งที่คุณษิทราออกมาแถลงข่าว แล้วบอกว่ามีหลักฐานเพียบ โดยภาพรวมแล้วผมรู้สึกผิดหวัง ผมว่ามันไม่ดีมีอะไรชัดเจนออกมา ไม่มีหลักฐานบอกว่าใครผิดใครถูก ย้อนกลับไปตอนนั้นคุณออกมาพูดเพื่ออะไร ออกมาโจมตีคุณชูวิทย์ทำไม ถ้าคุณสงสัยว่าคุณชูวิทย์ โจมตีภูมิใจไทยทำไม เค้าตอบได้เค้าอธิบายเหตุผลเค้าได้ ส่วนคุณษิทรา ออกมาโจมตีคุณชูวิทย์ บอกว่ามีหลักฐาน

แต่พอคนถามเรื่องหลักฐาน มันก็ยังไม่มี ผมไม่ได้บอกว่าไม่มีนะ แต่คุณยังไม่ได้เอาออกมาให้ใครเห็นมันก็เลยดูเบา ส่วนคุณชูวิทย์นั้นแฉด้วยหลักฐาน มีหลายอันที่ชัดเจนมาก แล้วถ้ามันไม่จริงป่านนี้คุณชูวิทย์คงโดนฟ้องไปวินาศสันตะโร ผมว่ามันก็มีเรื่องจริงเกินครึ่ง

อั๋น กล่าวอีกว่า อีกประเด็นที่เรารู้สึก ที่ครั้งเวลาที่คุณษิทราพูดจะมีการพาดพิงถึงคนอื่นที่ไม่ได้ทำให้ข้อมูลของคุณมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้เข้าใจไปเอง อย่างเช่นพี่หนุ่มกรรชัย ที่ดูเหมือนโมโหอยู่ หรือล่าสุดที่เป็นทนายนิด้า

ตอนนี้เหมือนคุณตั้มค่อนข้างจะเปิดศึกรอบด้าน ซึ่งเรื่องนี้คุณจะสร้างความชอบธรรมให้ตัวคุณได้คือคุณควรจะเอาความจริงมาเปิดเผย และเป็นความจริงที่ชัดเจนและสง่างามพอ แล้วคุณจะอยู่เหนือดราม่าทั้งปวง เพราะตอนนี้คุณเหมือนตัวป่วน หรือออกมาเบี่ยงเบนประด็น ด้วยซ้ำ

แขก คำผกา กล่าวว่า มันทำให้เกิดคำว่า ทนายเซเลบ นะ ซึ่งก็ไม่ใช่คำที่ดีด้วยนะ คือเดี๋ยวนี้มันมีกลุ่มทนายที่อออกมาทำคดีหวือหวา แล้วก็ใช้เรื่องพวกนี้ในการต่อยอดหาเงินหาทอง เป็นเครื่องมือหาประโยชน์ แบล็กเมล์คน

อั๋น กล่าวต่อว่า ผมว่ามันก็เป็นดาบสองคม ก็อยู่ที่ว่าคุณจะไปทิศทางไหน เรื่องแบบนี้คือที่ต่างประเทศก็มี อย่างเช่นทนายที่ทำคดีให้นักร้องดัง บริทนีย์ สเปียร์ ตอนฟ้องกับพ่อตัวเอง ตามที่ผมดูในเน็ตฟลิกซ์ คือทนายที่ต้องออกสื่อในบางครั้งที่เราหาความยุติธรรมไมได้เช่น ถนนหน้าบ้านซ่อมไม่เสร็จซักที ต้องมีคนตกท่อก่อนเหรอ คือเราต้องแฉผ่านโซเชียล อาศัยมวลชนมากดดัน

ซึ่งทนายเหล่านี้ในหลายๆครั้งก็เป็นปากเป็นเสียงแทนหลายคน อาจไม่ได้เข้าสู่กระบวนการทางกฏหมายจริงๆก็ได้ แต่มันฟ้องให้เห็นว่า ระบบพื้นฐานที่ทำให้คนเราอยู่ดีกินดีได้ตามมาตรฐานหรือได้รับความยุติธรรมตามที่ควจจะเป็นในสังคมล้มเหลวอยู่หรือเปล่า จึงต้องมีทนายเซเลบ เพราะไม่งั้นเราก็ไม่ต้องมีคนเหล่านี้ เราไม่ต้องขับเคลื่อสังคมด้วยการด่า

แขก คำผกา กล่าวว่า พี่แขกอยากจะใช้คำว่ารัฐล้มเหลว เพราะระบบราชการไม่ฟังก์ชั่น ก็ต้องมาพึ่งทนาย ทนายก็ใช้อิทธิพลของตัวเองไปกดดันให้หน่วยงานต่างๆฟังก์ชั่น แต่ไม่ได้ฟังก์ชั่นจากความรู้สึกรับผิดชอบว่าหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ฟังก์ชั่นที่กลัวว่าจะโดนลากไปตบกลางสี่แยก แล้วพอทนายทำแบบนี้สำเร็จ หลายๆคนก็กลัวเค้า เกรงใจเค้า เค้าก็จะยิ่งบริหารอิทธิพลของเค้าไปในทางที่เรียกรับผลประโยชน์ไปอีก

เค้าก็จะกลายเป็นบุคคลที่อีกด้านเป็นพระ แล้วอีกด้านก็เป็นมาเฟียที่ขู่กรรโชกทรัพย์อะไรแบบนี้แล้วมันก็เกิดขึ้นจนเป็นเรื่องปกติ คุณชูวิทย์เองก็อยู่ในบทนี้คืออีกด้านก็เป็นพระมหาไถ่ แล้วอีกด้านก็อยู่ในบทพระมหาโจรในหนึ่งคน

อั๋น กล่าว่า ในอีกด้าน เรื่องโทรปรึกษา เค้าคิด 30 นาที 1,500 บาท คิดแบบแฟร์ๆก็อาชีพเค้า ถูกแพงไม่รู้ แต่จะให้เค้าทำบุญแบบนี้เหรอ ส่วนตัวผมเองก็จ้างทนาย สำคัญอยู่ที่ว่าเค้าบอกล่วงหน้ารึเปล่า ส่วนค่าแถลงข่าวยอมรับว่าแปลกจริง แต่ถ้ามันอธิบายได้ก่อนว่านั่นคือค่าเสียเวลา ค่าวิชาชีพในการให้คำปรึกษา แล้วเค้ารวมเก็บมาแล้วแสดงทุกอย่างอย่างชัดเจน ในมุมหนึ่งผมคิดว่า ถ้าคนคิดจะทำอะไรที่ไม่ซื่อตรง เค้าไม่เอาชื่อหัวบริษัทมาแสดงชัดเจนแบบนี้หรอก เค้าแสดงอย่างชัดเจน