อั๋นคำผกาชี้ ตร.สลายชุมนุม ทำประเทศขายหน้า ไม่ฟังเสียงคนเห็นต่าง การประชุมระดับโลก ก็จะมีคนมาแสดงความคิดเห็น รับมือเลยเถิด โทษใครไม่ได้เลย

วันที่ 18 พ.ย.2565 ข่าวจบ คนไม่จบ! EP45 วิเคราะห์เจาะลึก ถึงพริกถึงขิง จากมุมมอง “อั๋น ภูวนาทและ แขก คำผกา” กับ 3 วิพากษ์เผ็ดร้อน 3 ประเด็นฮอต รุนแรงสกัดม็อบหยุดเอเปค คฝ.ยิงแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง เจ็บระนาว จำเป็นไหม? สาวเครียด แม่เรียกสินสอดแฟนฝรั่ง ถ้ากลับไทยต้องมีให้ หนุ่มถูกรางวัลที่ 1 โอนให้ภรรยาอยู่กิน 26 ปี สุดท้ายเมียหนีไปกับชู้ โดยพิธีกรคืออั๋น-ภูวนาท คุนผลิน และคำผกา ลักขณา ปันวิชัย สำหรับเรื่องสลายชุมนุมในวันนี้นั้น ภาพดูไม่ดีเลย

อย่างแรกไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นที่จะมีชุมนุม การประชุมระดับโลก ก็จะมีเสมอ เพื่อแสดงจุดยืนทางการแสดงออก ยกเว้นในประเทศที่ไม่มีเสรีภาพเรื่องนี้ ซึ่งประเทศไทยไม่ใช่ว่าห้ามแสดงออก วันนี้มีคนโทษผู้ชุมนุม บางคนก็บอกถ้าเคลื่อนขบวนไปยื่นในสิ่งที่อยากบอกต่อผู้นำ ผ่านเวทีระดับโลก แต่ก็ยื่นไม่ถึง วันนี้เขาบอกล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะมีชุมนุม จะเลือกรับมือกับสิ่งนี้อย่างไร

แต่การรับมือผู้ชุมนุมอย่างไรแล้ว กับการรับมือกับสื่อมวลชนแบบนี้ได้อย่างไร มีการทำร้ายร่างกายสื่อมวลชน 2 สำนัก ถูกทำร้ายขณะทำงาน ทั้งที่มีการลงทะเบียนอย่างถูกต้อง และแสดงตนอย่างชัดเจน ไม่ได้มีการโจมตีเจ้าหน้าที่เลย แต่กลับถูกกระทำ

อีกประเด็นคือผู้ชุมนุมถูกตำรวจทำร้ายสลายชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตากับกระสุนยาง มีคนบาดเจ็บ การเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การรับมือเลยเถิด โทษคนอื่นไม่ได้เลยจริงๆ

คำผกาเผยว่า ทุกการประชุมระดับโลกในหลายประเทศ ภาคีความร่วมมือทางการค้า มันอยู่บนฐานของการทำความข้อตกลงของโลกเสรีนิยม ฐานปรัชญาและผลประโยชน์แบบนี้แบบอนุรักษนิยมใหม่ มันจะมีคนบางกลุ่มที่มองต่างออกไป และจะมาประท้วง เช่นสหภาพแรงงาน กลุ่มสิ่งแวดล้อม กลุ่มที่ให้ความสำคัญกับความเหลื่อมล้ำ บางทีก็มาจากระดับโลก เขาก็ไปส่งเสียงของตัวเอง ไม่ได้ต้องการทำลายการประชุม เพื่อบอกว่าเรามองผลประโยชน์แตกต่างไปจากพวกคุณ แค่นั้นเอง

วิธีที่เขาจัดการ ก็แค่มีเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยไม่ให้เลยเถิด โดยให้แสดงจุดยืนตัวเองได้ มันเป็นเรื่องคู่ขนาน ว่ามีเสียงอื่นๆ ในสังคมด้วย ในประเทศไทยมันซับซ้อน คือมีประเด็นของคนตั้งคำถามของการทำข้อตกลงการค้าบนฐานเสรีนิยมใหม่ และต้องการบอกผู้นำทั่วโลกว่าเรามีปัญหาในไทยอะไรบ้าง ซึ่งเขามีสิทธิ์ไปสื่อสารกับผู้นำทั่วโลก ต้องการยื่นหนังสือให้ผู้นำต่างชาติ และผู้นำไทย

การรับมือสองอย่างนี้ เพื่อรักษาชื่อเสียงของประเทศไทย แต่ตกลงที่ทำไปทั้งหมด มันรักษาหน้าประเทศไทย หรือรักษาหน้านายกรัฐมนตรี 1 คนเท่านั้น ซึ่งธีมหลักของเอเปค คือการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การปราบผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง มันขัดแย้งกับสิ่งที่คุณพูดเรื่องการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งเสียงทุกเสียงต้องรับฟัง

ในห้องประชุมพูดเรื่องเสียงอื่นๆ แต่นอกห้องประชุม กีดกันเสียงอื่นๆ ไม่ให้ไปถึงผู้นำกลุ่มต่างๆ มิหนำซ้ำแทนที่จะใช้โอกาสบอกชาวโลก ว่าให้เกียรติประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา ก็ยังให้เกียรติอำนวยความสะดวกให้ ส่งตัวแทนไปรับหนังสือ ส่งตัวแทนไปเจรจาพูดคุย แค่นี้บรรยากาศทุกอย่างก็ดีขึ้น

เขาก็จะเห็นว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นแบบที่เคยได้ยิน คนมาไล่พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีการดูแลพอสมควร แต่พอทำอย่างนี้ มันทำทุกอย่างประจานตัวเอง ตอกย้ำว่าเสียงเล่าอ้างว่ารัฐไทยคุกคามประชาชน กลายเป็นประจักษ์พยานอย่างชัดเจน มันไม่ส่งผลดีต่อเขา และเป็นการรับมือที่ไม่ฉลาดเลย

ถ้าสมมุติรู้ว่าม็อบตั้งใจให้เกิดภาพนี้ ก็ต้องรับมือให้ฉลาดกว่านี้ ถ้าฝ่ายหนึ่งยืนยันว่าจะไม่ลงมือ พูดแล้วจะฟัง มันจะไม่ทะเลาะ คุณรับมือเต็มที่ มีอุปกรณ์ทั้งหมด แต่จะไม่ทำ ผลก็จะไม่เกิดแบบนี้อีกเลย

แค่ 2 วันนี้ยังรับมือไม่ได้ ชินกับการใช้กำลัง แค่นี้ก็ยังคิดไม่ได้ ทุกอย่างที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง อาจไม่ได้ตอบสนองทั้งหมด แต่ควรรับฟัง การรับมือแย่ ไม่น่าชื่นชม

อันนี้ทำให้ประเทศขายหน้าโดยใช่เหตุ

เรามั่นใจว่าจำนวนตำรวจเยอะกว่าผู้ชุมนุมมาก และมันเป็นวิธีคิดว่าการโชว์พลังอำนาจ การแสดงความเข้มแข้งเด็ดขาด เป็นการประกาศศักยภาพของตัวเอง ซึ่งสากลโลกเขาไม่ได้คิดแบบนั้น

การทำร้ายนักข่าวนั้นรุนแรงมาก เพราะถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้าอยากให้ต่างชาติมาลงทุน สร้างความเชื่อมั่น สิ่งนี้ไม่ได้ช่วยให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริง จะเตือนสื่อ แล้วก็ยังไปทำร้ายได้เหรอ มีการเตะซ้ำ มันไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นเลย

การพูดว่าที่อื่นปราบรุนแรงกว่าเรานั้น มันไม่ใช่ว่าเขาทำแรง แล้วเราทำแรงบ้าง ทำไมไม่เลือกเอาตัวอย่างดีๆ ถ้าตัวอย่างไม่ดีจะเอาไปอ้างอิงทำไม ถ้าลุ่มหลงในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ก็เชิญ แต่ขอยึดในหลักการ ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ สื่อไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับตำรวจ ทำไมต้องทำให้เป็นที่อับอายขายหน้าไปทั่วโลกแบบนี้ ถ้ามันเกิดในรัฐบาลไหน เราก็พูดเหมือนกัน

เราพูดเพราะมันเป็นแบบนี้ ต้องแยกให้ได้ ไม่เกี่ยวกับคน เรื่องนี้ไม่เปลี่ยน เราพูดเพราะมันผิดที่วิธีการของมัน