อัยการธนกฤต ให้ความเห็นข้อกฎหมาย แนะผู้เสียหาย ดารุมะ ซูชิ วิธีเรียกเงินคืน-ค่าเสียหาย ให้แจ้งความ เก็บหลักฐานให้ครบ หลังอัยการยื่นฟ้องฉ้อโกงประชาชน
วันที่ 20 มิ.ย. 2565 ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ ผอ.สำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีการเรียกร้องเงินและค่าเสียหายกรณีบุฟเฟต์ดารุมะ การเรียกร้องเงินคืนและเรียกค่าเสียหายจากการที่ร้านดารุมะ ซูชิ ที่เป็นร้านบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ปิดกิจการนั้น
ผู้เสียหายซึ่งอาจจะเป็นผู้ซื้อเวาเชอร์หรือคูปองบุฟเฟต์ของร้านหรือผู้ซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ของร้าน อาจดำเนินการโดยผ่านกระบวนการทางกฎหมายดังนี้ คดีร้านดารุมะ ซูชิ นี้ เป็นการกระทำความผิดที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับคดีแหลมเกตซีฟู้ด ซึ่งศาลตัดสินไปแล้วเมื่อปี 2562 ว่า มีความผิดฐานหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
กรณีของร้านดารุมะนี้ หลังจากผู้เสียหายแจ้งความและพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องผู้กระทำผิดแล้ว ในชั้นฟ้องคดีของอัยการ
ถ้าหากอัยการฟ้องผู้กระทำผิดเป็นจำเลยต่อศาลในข้อหาฉ้อโกงประชาชน อัยการก็จะเรียกร้องเงินที่ผู้เสียหายถูกฉ้อโกงไปคืนจากจำเลยแทนผู้เสียหายด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 43 แต่การเรียกร้องเงินแทนผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 โดยอัยการนี้ มีขอบเขตตามกฎหมายเฉพาะเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกฉ้อโกงไปเท่านั้น ยังไม่รวมถึงค่าเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการถูกฉ้อโกงด้วย
ทั้งนี้ หากผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายจากการถูกฉ้อโกงในกรณีร้านดารุมะนี้ ประสงค์จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยเพิ่มเติมไปจากเงินที่ถูกฉ้อโกงไป ก็มีช่องทางตามกฎหมายที่สามารถกระทำได้ ด้วยการที่ผู้เสียหายไปยื่นคำร้องต่อศาลที่อัยการฟ้องผู้กระทำผิดเป็นจำเลยก่อนที่จะเริ่มสืบพยาน เพื่อขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายให้แก่ตนเอง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1
โดยหากคดีนี้มีผู้เสียหายที่ประสงค์จะเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนมาก บรรดาผู้เสียหายเหล่านั้นก็อาจมอบอำนาจให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจในการยื่นคำร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนแทนตนได้ ในระหว่างนี้ สิ่งที่ผู้เสียหายสามารถกระทำได้ คือควรที่จะเก็บและรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่สามารถใช้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เพื่อรองรับสิทธิในการได้รับชดใช้เงินคืน รวมทั้งสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ในฐานะที่เป็นผู้เสียหาย ถ้าหากต่อไปภายหน้าสามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายและมีการฟ้องผู้กระทำผิดเป็นจำเลยต่อศาลต่อไป