อัด 3 ป. เอี่ยวจัดซื้อจีที200 มูลค่ารวม 8 พันล้าน คนสาปแช่ง ขอให้ไม่ไปดี

Home » อัด 3 ป. เอี่ยวจัดซื้อจีที200 มูลค่ารวม 8 พันล้าน คนสาปแช่ง ขอให้ไม่ไปดี


อัด 3 ป. เอี่ยวจัดซื้อจีที200 มูลค่ารวม 8 พันล้าน คนสาปแช่ง ขอให้ไม่ไปดี

จิรัฏฐ์อัด 3 ป. เอี่ยวจัดซื้อจีที 200 มูลค่ารวม 8 พันล้าน คนสาปแช่ง เมินเฉยความสูญเสียมากมาย ไม่เคยได้เยียวยา ย้ำขอให้ไม่ไปดี ไม่สู่สุคติ

วันที่ 20 ก.ค.2565 นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต และใช้อำนาจทำให้ตัวเองและพวกพ้องไม่ต้องรับความผิดจากการทุจริตโดยไม่สนใจประชาชน ว่า การที่ยังไม่ลืม จีที200 เพราะยังไม่เคยได้รับคำตอบที่สมเหตุสมผล

โดยเฉพาะค่าโง่หลายร้อยล้านบาท สร้างความเสียหายต่อทหาร และประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ถูกจับกุมคุมขัง เพราะถูกเครื่องนี้ชี้ใส่ และยังไม่เคยได้รับการเยียวยา

จากข้อมูลจากศูนย์ทนายมุสลิม ระบุว่ามีประชาชนจากสามจังหวัดชายแดนใต้ถูกจับกุมเพราะเครื่องนี้ชี้ใส่ 1,400 คน และมี 500 คนถูกจับเข้าค่าย 4 เดือน

โดยนายจิรัฏฐ์ ได้นำเครื่อง จีที200 ดีไอวาย ราคา 20 บาท มาโชว์ และระบุว่า คุณภาพไม่ต่างจากที่กองทัพบกซื้อเครื่องละ 9 แสนบาท ซึ่งจะต้องมีการ์ดใบละ 7-8 หมื่นบาท ที่อ้างว่าสามารถนำไปใช้หาศพได้ โดยต้องเสียชีวิตไม่เกิน 15 วัน รวมการจัดซื้อ 12 สัญญา จำนวน 757 เครื่อง รวมเป็นเงิน 682 ล้านบาท ราคาแพงสุดเครื่องละ 1.2 ล้านบาท การเอาผิด จีที200 ต้องแยกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งคนขาย และฝั่งคนซื้อ

นี่เป็นคดีทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างที่ชัดที่สุดในประวัติศาสตร์ ทุกคนรู้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ และพล.อ.ประวิตร เป็นคนเซ็นอนุมัติให้จัดซื้อ และมีพล.อ.ประยุทธ์ แทรกมาในสัญญาที่ 11 ในสมัยที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แต่กลับยังไม่สามารถระบุได้ว่าตัวการที่แท้จริงคือใคร

กระบวนการจัดซื้อนี้ เริ่มจากกองทัพบกไปยืมจีที200 จากกองทัพอากาศมา เพราะบอกว่าใช้งานได้ดี และล็อกสเป็กว่าต้องซื้อรุ่นนี้ และบริษัทนี้เท่านั้น นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ยังไม่ตั้งผู้เชี่ยวชาญ มาตรวจรับจีที200 เมื่อนำไปใช้จริงกลับไม่สามารถตรวจจับระเบิดได้จริง จนสร้างความเสียหายต่อชีวิตประชาชนและทหารที่ลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่

แต่ทั้ง 3 คนกลับเมินเฉยที่จะตรวจสอบการจัดซื้อของที่ไม่ได้คุณภาพนี้

ส่วนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ยังพึ่งพาไม่ได้ เพราะมีเด็กของ 3 ป. มาดำรงตำแหน่ง จนชี้มูลความผิดไปที่ 22 นายทหารที่ทำหน้าที่ตรวจรับให้กลายเป็นแพะรับบาป

ประเทศไทยกำลังจะจบมหากาพย์นี้อย่างเงียบๆ ทั้งที่ยังไม่ระบุชี้ชัดว่าตัวการจริงเป็นใคร และเมื่อดูเอกสารเซ็นจัดซื้อจัดจ้าง ก็รู้ได้ง่ายๆ ว่าคนเซ็นคือคนที่ต้องรับผิดชอบ โดยบริษัท AVIA SATCOM ตัวแทนนำเข้าจีที200 ผู้ถือหุ้นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับกองทัพอากาศ พล.อ.ประวิตร และเครือข่ายเตรียมหทารรุ่น 6 (ตท.6) โดยเฉพาะพล.อ.อ. ธเรศ ปุณศรี ประธานอาวุโสของบริษัทฯ ยังเป็นคีย์แมนคนสำคัญในการรัฐประหาร 2549

ดังนั้น จึงไม่มีใครกล้าแตะบริษัทนี้ และบริษัทในเครือข่าย แต่ 3 ป. กลับเล่นบทเหยื่อ บอกว่าตัวเองถูกหลอก แต่กลับยังประเคนโครงการของกองทัพให้บริษัทนี้ โดยไม่เปิดประมูล เช่น บริษัท เอวิเอ ซินเนิยี จำกัด ได้งานจากกองทัพอากาศตั้งแต่ปี 2557-2565 ไป 221 โครงการ รวมมูลค่า 2,410 ล้านบาท รวมมูลค่าทุกโครงการคิดเป็นเงินประมาณ 8,000 ล้านบาท

แบบนี้มันเรียกว่า ฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อน เพราะมีประชาชนและทหารของกองทัพต้องเสียชีวิตไป เพราะต้องการปกป้องพรรคพวกตัวเอง ส่วนประชาชนทำได้เพียงสาปแช่ง ผมจึงขอให้พวกท่านไม่ไปดี และไม่ไปสู่สุคติ

โดยระหว่างที่นายจิรัฏฐ์อภิปรายได้มีสมาชิกลุกขึ้นประท้วง เช่น นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้วไกล ที่เตรียมตัวย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่านายจิรัฏฐ์ อภิปรายย้อนอดีตมากเกินไป และไม่เข้าเรื่องการทำหน้าที่ในปัจจุบันของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย

ทางนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ที่ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้วินิจฉัยไปในทิศทางเดียวกัน และขอให้นายจิรัฏฐ์ เข้าเรื่องที่เกี่ยวกับการทำหน้าที่ในปัจจุบันของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ