ชาวอังกฤษออกมาใช้ชีวิตภายนอกบ้าน หลังจากสิ้นสุดมาตรการจำกัดการเดินทางและปิดสถานที่ต่างๆ (ล็อกดาวน์) จนมีการประเมินว่าเงินสะพัดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาถึง 2,800 ล้านปอนด์ (122,000 ล้านบาท)

คนนำนวนมากเดินทางไปซื้อสินค้ายังร้านค้าต่างๆ ขณะเดียวกันการที่อยู่บ้านมาอย่างยาวนานหลายสัปดาห์ ก็ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยไปสังสรรค์กันตามผับ สวนสาธารณะ และชายหาด

นอกจากนี้ ยังมีการคำนวณว่าผับและร้านอาหารราว 50,000 แห่งทั่วอังกฤษขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 6 ล้านแก้วใหญ่ เฉพาะเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (17 เม.ย.) เพียงวันเดียว และอีกหลายล้านแก้วแบบซื้อกลับบ้าน

ด้านเว็บไซต์ เดอะ ฟอร์ก ที่ให้บริการจองสถานที่ ระบุว่า การจองร้านอาหารและผับในอังกฤษสูงกว่าเมื่อเดือน ก.ค. 2563 หรือเมื่อสิ้นสุดการล็อกดาวน์ครั้งแรก ถึงเท่าตัว

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์เวาเชอร์โค้ดส์ ร่วมกับศูนย์วิจัยค้าปลีกในสหราชอาณาจักร ประเมินว่ามีเงินสะพัดในร้านค้าต่างๆ ในอังกฤษ ถึง 2,800 ล้านปอนด์ (122,000 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม เดลิเมล์ สื่อจากอังกฤษ เผยคำให้สัมภาษณ์ของนายอะลาสแตร์ เคอร์ ตัวแทนภาคตะวันตกเฉียงใต้ของกลุ่มรณรงค์เพื่อผับ ว่าแม้เป็นเรื่องน่ายินดีที่ผับได้เปิดอีกครั้งหลักถูกสั่งปิดมากว่า 5 เดือน แต่รัฐบาลยังคงบังคับใช้มาตรการจำกัดผู้คน ให้นั่งดื่มได้เฉพาะนอกร้านที่อากาศถ่ายเทสะดวก เท่ากับว่ามีผับเพียง 40% ในอังกฤษเท่านั้นที่เปิดได้

นายอะลาสแตร์ เคอร์ กล่าวต่อไปว่า ร้านที่เปิดได้หลายร้านก็ขาดทุนเพราะข้อจำกัดนี้ จึงหวังว่าจะมีมาตรการให้ผับเปิดได้เต็มรูปแบบเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจดังกล่าวในเวลส์และสก็อตแลนด์ยังต้องปิดให้บริการไปจนถึงวันที่ 26 เม.ย. นี้ และวันที่ 30 เม.ย. สำหรับไอร์แลนด์เหนือ