สิงโตคำรามไม่ปรานีทีมรองบ่อนอย่างซานมาริโน ยิงแหลกถึง 10 ตุง คว้าตั๋วสู่ ฟุตบอลโลก อย่างองอาจ ต่างจากอัซซูรีที่พลาดชัย จึงต้องไปเหนื่อยต่อรอบเพลย์ออฟ
การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน กลุ่มไอ ซานมาริโนเปิดสนามสตาดิโอ โอลิมปิโก ดิ แซร์ราวัลเล รับการมาเยือนของ “สิงโตคำราม”อังกฤษ รองแชมป์ยูโร 2020
- ตกงานไม่นาน นอริช แต่งตั้ง ดีน สมิธ นั่งแท่นกุนซือใหม่ – เซ็นสัญญา 2 ปีครึ่ง
- คนที่ใช่ สื่อเผย ชาบี เรียกร้องบาร์ซ่าคว้า ซาลาห์ เสริมแกร่งเกมรุก
- แมนฯ ยูไนเต็ด เล็งคว้า คุนเด จับคู่ วาราน แทน แม็กไกวร์
เริ่มเกมมา 6 นาที อังกฤษได้เตะมุมฝั่งซ้าย ฟิล โฟเดน เปิดลอยมาให้ แฮร์รี แม็กไกวร์ ขึ้นโขกเข้าประตูไป ทีมเยือนออกนำ 1-0
นาที 15 บูคาโย ซากา ได้บอลทางริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย แล้วม้วนพาบอลตัดเข้ามาสับไกยิง ฟิลิปโป ฟับบรี พยายามยกเท้าสกัดแต่พลาดเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง อังกฤษจึงทิ้งห่าง 2-0
นาที 23 ฟิล โฟเดน กระโดดยิงท่าจักรยานอากาศในเขตโทษ แล้วบอลไปโดนมือ ดันเต รอสซี ที่ดันยกแขนขึ้นมาพอดี ผู้ตัดสินดูวีเออาร์แล้วให้จุดโทษอังกฤษ แฮร์รี เคน สังหารเข้าไป สกอร์กลายเป็น 3-0
นาที 31 เอมิล สมิธ-โรว์ ได้บอลทางฝั่งซ้าย แล้วเปิดเข้าไปกลางเขตโทษให้ แฮร์รี เคน ตวัดยิงโดนไม่เต็มเท้านัก แต่ทางบอลดีพอหนีมือนายทวารเข้าไป อังกฤษนำ 4-0
นาที 37 แฮร์รี เคน โหม่งบอลในเขตโทษไปติดแขน อเลสซานโดร ดัดดาริโอ อังกฤษจึงได้จุดโทษอีกครั้ง เคนสังหารเข้าไปอย่างเฉียบคม ทำแฮตทริกพร้อมส่งสกอร์ห่างเป็น 5-0
นาที 42 แนวรับซานมาริโนสกัดบอลมาเข้าเท้า แฮร์รี เคน รับได้แล้วเลี้ยงลุยเข้าเขตโทษเอง ก่อนจะยิงให้อังกฤษบวกสกอร์เพิ่ม 6-0 และจบครึ่งแรกไปเช่นนี้
ครึ่งหลังนาที 58 บอลถูกเปิดเข้าเขตโทษซานมาริโน แทมมี อับราฮัม สอดมารับแล้วดีดลูกส้นให้ เอมิล สมิธ-โรว์ กดไม่เหลือ อังกฤษบวกเป็น 7-0
นาที 67 คอเนอร์ กัลลาเกอร์ พลิกตัวหลบ ดันเต รอสซี แล้วโดนดึงทำฟาวล์ ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่รอสซีออกจากสนาม ซึ่งจากฟรีคิกนี้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเข้าเขตโทษให้ ไทโรน มิงส์ โหม่งให้อังกฤษทิ้งห่าง 8-0
นาที 71 คอเนอร์ กัลลาเกอร์ พลิกตัวยิงในเขตโทษไปชนเสา แต่แนวรับซานมาริโนก็สกัดบอลไม่ไปไหน สุดท้ายมาที่ จูด เบลลิงแฮม ซัดไม่เหลือ แต่ผู้ตัดสินดูวีเออาร์แล้วระบุว่ามีผู้เล่นอังกฤษทำฟาวล์เมื่อจังหวะก่อนหน้านี้ ทำให้ลูกนี้ไม่เป็นประตู
นาที 78 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ แทมมี อับราฮัม พักลงแล้วม้วนตัวยิงเสียบตาข่าย อังกฤษนำ 9-0
นาที 79 ลูกเปิดของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แผลงฤทธิ์อีกครั้ง คราวนี้ลึกไปหน้าปากประตูให้ บูคาโย ซากา โขกเผาขนไม่เหลือ จบเกมอังกฤษชนะขาดลอย 10-0
คู่อื่นในกลุ่มนี้ โปแลนด์ แพ้ ฮังการี 1-2, แอลเบเนีย ชนะ อันดอร์รา 1-0
ทำให้จบ 10 นัด อังกฤษมี 26 คะแนน คว้าแชมป์กลุ่มและเข้าสู่รอบสุดท้าย ส่วนอันดับ 2 โปแลนด์ (20 คะแนน) ไปลุ้นต่อเพลย์ออฟ ขณะที่อันดับ 3 แอลเบเนีย (18 คะแนน) อันดับ 4 ฮังการี (17 คะแนน) อันดับ 5 อันดอร์รา (6 คะแนน), อันดับ 6 ซานมาริโน (0 คะแนน) ตกรอบ
กลุ่มซี ไอร์แลนด์เหนือเปิดบ้านเสมอ “อัซซูรี”อิตาลี แชมป์ยูโร 2020 แบบไร้สกอร์ 0-0
อีกคู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งมีผลต่อการแย่งตั๋วรอบสุดท้ายด้วย “นาฬิกา”สวิตเซอร์แลนด์ เปิดบ้านชนะบัลแกเรีย 4-0
เจ้าถิ่นได้จาก โนอาห์ โอกาฟอร์ นาที 48, รูเบน บาร์กัส นาที 57, เซดริก อิตเตน นาที 70, เรโม ฟรอยเลอร์ นาที 90
ทำให้จบ 8 นัด สวิตเซอร์แลนด์แซงขึ้นเป็นแชมป์กลุ่ม (18 คะแนน) ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ส่วนอิตาลีหล่นสู่อันดับ 2 (16 คะแนน) ต้องไปเตะเพลย์ออฟ ขณะที่อันดับ 3 ไอร์แลนด์เหนือ (9 คะแนน), อันดับ 4 บัลแกเรีย (8 คะแนน), อันดับ 5 ลิทัวเนีย (3 คะแนน) ตกรอบหมด
กลุ่มเอฟ “ตาร์ตัน”สกอตแลนด์ เปิดบ้านเอาชนะ “โคนม”เดนมาร์ก 2-0
เจ้าถิ่นได้จาก จอห์น ซุตตาร์ นาที 35, เช อดัมส์ นาที 86
ผลคู่อื่นในกลุ่มนี้ ออสเตรีย ชนะ มอลโดวา 4-1, อิสราเอล ชนะ หมู่เกาะแฟโร 3-2
สรุปจบ 10 นัด เดนมาร์กได้แชมป์กลุ่ม (27 คะแนน) เข้ารอบสุดท้าย อันดับ 2 สกอตแลนด์ (23 คะแนน) ไปเพลย์ออฟ ส่วนอันดับ 3 อิสราเอล (16 คะแนน), อันดับ 5 หมู่เกาะแฟโร (4 คะแนน), อันดับ 6 มอลโดวา (1 คะแนน) ตกรอบ
ขณะที่อันดับ 4 ออสเตรีย (16 คะแนน) แม้จะไม่ได้อะไรในรอบคัดเลือกปกตินี้ แต่ก็ยังคว้าตั๋วสู่รอบเพลย์ออฟอีกทีม จากโควต้ายูฟ่า เนชันส์ ลีก