‘ออม’ลูกไม้ใต้ต้น! เกินความภูมิใจ‘แม่ก้อย’

Home » ‘ออม’ลูกไม้ใต้ต้น! เกินความภูมิใจ‘แม่ก้อย’


‘ออม’ลูกไม้ใต้ต้น! เกินความภูมิใจ‘แม่ก้อย’

‘ออม’ลูกไม้ใต้ต้น! เกินความภูมิใจ‘แม่ก้อย’ – นักแสดงมากฝีมือรุ่นใหญ่ ‘ก้อย’ นฤมล พงษ์สุภาพ ควงลูกสาว ‘ออม’ นรวรรณ เศรษฐรัตนพงศ์ ที่เดินตามรอยแม่เข้าวงการ มาอวยพรปีใหม่ พร้อมพูดคุยอัพเดตถึงผลงานและเรื่องราวที่ผ่านมา

มีผลงานแน่นทั้งแม่และลูก ตอนนี้มีผลงานอะไรกันบ้าง?

ออม – “ที่จบไปสิ้นปีที่ผ่านมาก็ เกมล่าทรชน ช่อง 3 แล้วจะมีออนแอร์ปีนี้เรื่อง เก็บแผ่นดิน และที่กำลังถ่ายทำอยู่เรื่อง อ้ายข่อยฮักเจ้า ค่ะ”

ก้อย – “แม่ก็อายุปูนนี้แล้วมีทั้งบทแม่และเล่นต่างช่องบ้าง เราเป็นฟรีแลนซ์ก็ไปเรื่อยๆ กับ ช่อง 3 มีเรื่อง ยมทูตกับภูตสาว และที่ถ่ายอยู่ สาปซ่อนรัก กับ มัดหัวใจยัยซุปตาร์ ค่ะ”

น้องออมเข้าวงการมา 2 ปีแล้ว มองว่าฝีมือการแสดงตัวเองเก่งขึ้นไหม พัฒนาขึ้นแค่ไหน?

ออม – “คือหนูเล่นมาเรื่องละเล็กละน้อยมาหลายเรื่องแล้ว พอมาดูเรื่องที่เราออกเยอะๆ เล่นทุกตอน รู้สึกว่าตัวเองก็พัฒนาเหมือนกัน ก็จะพยายามพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ค่ะ”

ก้อย – “พอออมเข้ามาเขาก็ได้งานต่อเนื่อง แต่ละเรื่องเขาโชคดีตรงที่บทต่างกัน เช่น เรื่องเก็บแผ่นดิน เขาเล่นเป็นผู้ใหญ่ แต่เรื่องเกมล่าทรชน เล่นเป็นเด็ก เขาก็จะสวิตช์ตัวเอง แล้วผู้จัดแต่ละท่านละเอียดช่วยดึงคาแร็กเตอร์”

ออม – “หนูเล่นเป็นผู้ใหญ่ใน เก็บแผ่นดิน กลับมา เกมล่าทรชน ต้องเล่นเป็นเด็กอายุ 17 ตอนนี้หนูอายุ 19 แล้ว ไม่ได้แก่นะคะ (หัวเราะ) ถ้าเราเล่นโตไป พี่นก (ฉัตรชัย) ก็จะบอกว่าช่วยเด็กลงหน่อย ไปทำอะไรมา ทำไมอยู่ดีๆ โตขึ้น พี่เขาก็จะแซว”

ก้อย – “ทุกบทบาทที่น้องออมได้รับ ไม่ว่าจะเล่นเป็นผี เป็นเด็ก หรือเป็นผู้ใหญ่ เขาก็เริ่มได้เรียนรู้ เรื่องต่อไปนี่แหละค่ะที่จะตื่นเต้นมาก เรื่อง อ้ายข่อยฮักเจ้า ที่กำลังถ่ายทำ เพราะบทห่างจากเรื่องก่อนหน้านี้ เล่นเป็นสาวเมืองกรุงอายุ 19-20 มากกว่าตัวเองนิดนึง ทีนี้ต้องมารอดูว่าจะเป็นยังไง และเรื่องเก็บแผ่นดิน บทที่รับเป็นเรื่องที่โตที่สุด”

ออม – “นอกจากโตแล้ว ยังเป็นพยาบาล เป็นทหาร และถือปืนจริง เป็นละครบู๊ดราม่า มันมากกว่าความเป็นผู้ใหญ่มีความเอาตัวรอดด้วย ปกป้องตัวเองไม่พอ ยังต้องปกป้องคนอื่นอีก เป็นดราม่าชีวิตค่ะ”

บทบาทที่ได้รับท้าทายและหลากหลายมาก ทำการบ้านกับมันยังไง?

ออม – “ตอนเราได้บทมา ได้เนื้อเรื่องย่อมาเราก็ทำการบ้านอยู่แล้วค่ะ อ่านบททำความเข้าใจ อันไหนไม่เข้าใจก็ถามแม่ ถามผู้จัด ผู้กำกับฯ โค้ชแอ๊กติ้ง”

ก้อย – “คือออมโชคดีที่ได้บทที่ถึงจะไม่ได้เป็นนางเอกซะทีเดียว แต่จะเป็นตัวแปรในเรื่อง เพราะฉะนั้นตัวละครแต่ละตัวมันจะมีบทบาทมาก นักแสดงที่เก่งคือได้ฝึกบ่อยๆ เหมือนเราทำกับข้าวถ้าเราทำบ่อยๆ มันก็พัฒนาสูตรและความอร่อยไปเรื่อยๆ น้องออมโชคดีตรงนี้ แต่ก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ อีกค่ะ”

แต่ละเรื่องได้ร่วมงานกับนักแสดงมากฝีมือ?

ออม – “อยากจะบอกว่านอกจากผู้จัด ผู้กำกับฯ และพี่ๆ ทีมงานแล้ว ก็มีพี่ๆ นักแสดงนี่แหละค่ะคอยอยู่ช่วยออมตลอด ทุกเรื่องถ้าไม่ได้พี่ๆ ออมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เพราะว่าปกติคุณแม่จะไปส่งเฉยๆ ไม่ได้เข้ากอง หนูก็ดีใจที่พี่ๆ คอยช่วยตลอดเลย”

น้องออมเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 17 เหมือนกับที่แม่ก้อยเข้ามาตอน 17 แตกต่างกันยังไง?

ก้อย – “17 ของแม่ก็เป็นแบบแม่เป็นรุ่นแม่ 17 แบบรุ่นน้องออม เผลอๆ หนักกว่า เพราะมันมีเรื่องโซเชี่ยลเข้ามา ไม่เล่นก็ไม่ได้ เล่นมากก็ ไม่ดี บางครั้งทำให้เสียสุขภาพจิต หรือเสียสมาธิ แต่ของแม่ดีอย่างหนึ่งแต่ก็เสียอย่างหนึ่ง บางอย่างง่าย บางอย่างยาก แตกต่างกันไป”

ออม – “อย่างที่แม่พูด มันยากจริงๆ ตอนนี้ใครๆ ก็เข้าถึงโซเชี่ยล อยากรู้อะไรก็เสิร์ช อยากจะโพสต์อะไรก็โพสต์ ต้องมีวิจารณญาณ บางความเห็นมันไม่ใช่ด้านดี เราก็ต้องจิตแข็งค่ะ”

ตอนแรกที่เข้ามา กดดันไหมกับความเป็นลูกของนักแสดงรุ่นใหญ่ในวงการ?

ออม – “ไม่เลย มีหลายคนถามว่ากดดันไหม หรือแม่ดันหรือเปล่า ใช้เส้นมาหรือเปล่า ออมบอกเลยว่าตอนที่แคสต์เรื่องแรก คุณแม่ยังไม่ได้มาส่งเลยค่ะ ตอนนั้นหนูได้แบบงงๆ หลังจากนั้นก็ได้รับงานตลอด ก็ต้องขอบคุณทุกโอกาสที่เข้ามา คือมันก็ไม่ได้เป็นเพราะคุณแม่ ซึ่งคุณแม่ให้คำปรึกษา นอกนั้นออมก็ต้องทำตัวเองพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ เหมือนกัน ถึงเกิดการเรียกงานซ้ำ”

ก้อย – “เป็นการให้โอกาสของผู้ใหญ่มากกว่า และที่เราไม่ช่วยอะไรลูกเพราะอยากให้เขาลองด้วยตัวเอง”

ภูมิใจแค่ไหน ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ลูกสาวมาเป็นนักแสดงเหมือนคุณแม่?

ก้อย – “ความภูมิใจคิดว่าไม่ต้องพูดถึงแล้วแหละมาถึงวันนี้ แค่เขาเรียนรับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง ตอนนี้เขาอายุ 19 แล้วเขาเรียนรอดเข้ามหาวิทยาลัยได้ แม่ก็ดีใจแล้ว แต่นี่เขามีงานทำแล้ว เป็นงานที่ถ้ารักษาคุณภาพไว้มันก็ยั่งยืน มันเกินคำว่าภูมิใจ ไม่รู้ว่าจะบัญญัติคำว่าอะไรดี ทุกวันนี้เขาคือชีวิตเราเลย ลูกคือชีวิตแม่เลย เพราะฉะนั้นลูกมากกว่าความภูมิใจ”

เคยคิดไหมว่าวันนี้จะได้มาเป็นนักแสดงเหมือนคุณแม่?

ออม – “ไม่เคยคิดเลยค่ะ ไปกองถ่ายกับคุณแม่นับครั้งได้ แม่ไม่อยากปล่อยเราอยู่บ้านคนเดียวก็เลยต้องพาไป ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเป็นนักแสดง คืออยากเรียนสายคำนวณสายเลข ทุกวันนี้เรียน คณะเศรษฐศาสตร์ อินเตอร์ มศว อยากเข้าที่นี่ ก็เลยไม่ได้คิดเรื่องการแสดงเลย”

ก้อย – “จริงๆ ออมเขามีแววตั้งแต่เด็ก ทำยูทูบตัวเองตั้งแต่ประมาณ 4 ขวบ ตอนนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ เขาจะอัดโทรศัพท์ของแม่ ไป ดำน้ำก็จะพูด สวัสดีค่ะ นี่คือรายการ เขาจะพูดชื่อรายการของเขา เขาจะไม่รู้ตัวว่าเขามีแววตั้งแต่เด็ก แต่แม่กับพ่อจะรู้ เพราะฉะนั้นแม่ก็เลยลองผลักดันแบบเบาๆ มีโอกาสก็ไปเรียนไปแคสต์ ทุกวันนี้ก็เลยมาเป็นแบบนี้ ซึ่งเขามีจิตใจเป็นนักกีฬามาก เพราะเขาเป็นนักสู้ แคสต์ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่เสียใจ หรือใครที่บอกว่าแม่ดัน ได้เพราะแม่ เขาก็ไม่รู้สึกอะไร เขาจะแบบนี้จริงๆ”

สอนลูกเกี่ยวกับชีวิตในวงการอย่างไร?

ก้อย – “พอเขาได้ทำงาน แม่จะสอนลูกควบคู่กันไป การทำงานต้องมีวินัย ตรงต่อเวลา และความอดทนสำคัญสำหรับนักแสดงมาก เพราะการทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม นักแสดงสบายสุดแล้ว ลองไปดูช่างไฟหรือทีมงานที่ต้องยกของหนักๆ ใช้แรงหนักกว่าเราอีก เพราะฉะนั้นเราจะสอนวิธีการเรียนรู้ชีวิตการทำงาน หรือว่าไลฟ์สไตล์”

ออม – “สิ่งที่ออมได้เรียนรู้เป็นเรื่องของวินัย อาชีพนี้ต้องทำการบ้านเยอะมาก ใครบอกอยู่ดีๆ แค่อ่านบทท่องไปแล้วเล่นได้เลย เป็นไปไม่ได้ มันต้องรู้เบื้องหลังของเรื่องราว อารมณ์ต้องต่อเนื่อง เป็นอาชีพที่หนูชอบแต่ไม่ได้เป็นอาชีพที่สบายอย่างที่หลายคนบอก บางเรื่องไปถ่ายต่างจังหวัด อย่างเรื่อง เก็บแผ่นดิน ในพาร์ตของหนูอยู่เขาชนไก่ทั้งเรื่องเลยค่ะ ตั้งแต่หนูอายุ 17 จนอายุ 19 ไปทุกอาทิตย์เลยค่ะ ถ่ายทำปีกว่า เพราะติดช่วงโควิดก็เลยพักไปช่วงหนึ่ง”

คุณแม่หวงไหม?

ออม – “ตามสไตล์ผู้ปกครองเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ห่วงลูกสาว”

ก้อย – “หวงไหมก็เป็นเรื่องปกติ คิดว่าห่วงมากกว่าเพราะเป็นผู้หญิง ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย เด็กเดี๋ยวนี้ต้องระวัง ปะป๊าเขาจะห่วงมากกว่า เขาจะมีน้องชายด้วย ก้อยมีลูกสองคนนะคะ น้องออม น้องอั๊ต อีกคนน่าจะไปทางพ่อเขา ทำธุรกิจค่ะ”

ออม – “ออมมีน้องชาย ก่อนหน้ามีข่าวว่าออมทายาทคนเดียวของก้อย นฤมล น้องชายคือนั่งร้องไห้เลยค่ะ (หัวเราะ)”

วีรนุช จันทำ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ