จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่าน X (ทวิตเตอร์) ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ออกหมายจับนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้” ในคดีขโมยเรือน้ำมันเถื่อนแล้ว โดย พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะแถลงรายละเอียดในเวลา 15.00 น. วันนี้ (19 ก.ค.)
ต่อมา ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB ได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับประเด็นการออกหมายจับ ‘เสี่ยโจ้’ พร้อมพวกอีก 3 ราย โดยระบุว่า ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช./ ผอ.ศปนม.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.รรท.ผบก.รน., พ.ต.อ เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.อ.ภัทรพล ปัทมวงศ์ ผกก.สสน.บก.ป., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร, พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล, พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา, พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก รอง ผกก.2 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ท.สรศักดิ์ แสงจันทร์, พ.ต.ท.กรวงศ์ วงษาลังกา, พ.ต.ต.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ, พ.ต.ต.เอื้ออังกูร ชินโชติธีรนันท์, พ.ต.ต.วรัท เสริมสุจริต สว.กก.2 บก.ป., เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2,5,6, สสน.บก.ป. และ บก.รน.
ขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับ
- นายสหชัยฯ อายุ 55 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3313/2567 ลงวันที่ 16 ก.ค.67
- นายสมเกียรติฯ อายุ 56 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3314/2567 ลงวันที่ 16 ก.ค.67
- นายสำเริงฯ อายุ 58 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3315/2567 ลงวันที่ 16 ก.ค.67
ในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ” - นางอนันตญาฯ อายุ 25 ปี
- นายนรินทรฯ อายุ 27 ปี
ผู้ต้องหาที่ 4-5 แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 มี.ค.67 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ, เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามมิตร และเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 28 คน พร้อมด้วยของกลาง เรือบรรทุกน้ำมัน จำนวน 5 ลำ และน้ำมันรวม จำนวน 325,000 ลิตร ในความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งน้ำมันที่มิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” ปัจจุบันอยู่ระหว่างสอบสวนของอัยการสูงสุดและกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) โดยมอบหมายให้ กองบังคับการตำรวจน้ำเป็นผู้ดูแลรักษาเรือบรรทุกน้ำมันและน้ำมันเชื้อเพลิงของกลางไว้ที่ สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ต่อมาในช่วงวันที่ 9-10 มิ.ย.67 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้ประกาศเตือนว่า จะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และฝนฟ้าคะนอง เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำเกรงว่าเรือของกลาง และท่าเทียบเรือจะได้รับความเสียหาย จึงให้เรือของกลาง จำนวน 4 ลำ ได้แก่ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอส, เรือดาวรุ่ง และเรือกำไรเงิน(เหล็ก) พร้อมลูกเรือ ออกไปทิ้งสมอในระยะปลอดภัย โดยมีระยะห่างจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร
กระทั่งวันที่ 12 มิถุนายน 2567 เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่พบว่าเรือทั้ง 3 ลำ คือ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอส, เรือดาวรุ่ง พร้อมลูกเรือจำนวน 15 ราย (เป็นกลุ่มผู้ต้องหาในคดีก่อนหน้า 14 ราย) ได้ร่วมกันควบคุมเรือหลบหนีไป ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปนม.ตร.) โดย พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช./ ผอ.ศปนม.ตร. จึงได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่เร่งสืบสวนหาข่าว ติดตามเรือของกลาง พร้อมลูกเรือเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวน สอบสวนกรณีดังกล่าว ขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหา ทั้ง 15 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ” ต่อมา เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 8 ราย พร้อมเรือของกลาง 3 ลำ และได้ตรวจสอบพบว่า มีน้ำมันเถื่อนของกลางเหลือรวมกันอยู่เพียง 18,000 ลิตร
จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล พบว่า นายสหชัยฯ ได้สั่งการ กลุ่มผู้ต้องหาให้ตระเตรียม วางแผน นำเรือ 3 ลำซึ่งเป็นของนายสหชัยฯ หลบหนี โดยได้ตระเตรียมนำอุปกรณ์วิทยุสื่อสารและ เครื่องมือนำทาง GPS ให้กับไต๋เรือ ทั้ง 3 ลำไว้ เนื่องจากเครื่องเดิมถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดไปจากการถูกจับกุ่มในครั้งก่อน เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 ได้โอกาสที่เหมาะสมที่จะหลบหนีจากการที่เรือได้จอดทอดสมอห่างจากท่าเรือตำรวจน้ำ โดยกลุ่มลูกเรือจึงได้จัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มเป็นเสบียงระหว่างหลบหนี และได้หลบหนีออกจากจุดทอดสมอ กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ในที่สุด
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 3 ราย คือ 1. นายสหชัยฯ อายุ 55 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3313/2567 ลงวันที่ 16 ก.ค.67 2. นายสมเกียรติฯ อายุ 56 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3314/2567 ลงวันที่ 16 ก.ค.67 3. นายสำเริงฯ อายุ 58 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3315/2567 ลงวันที่ 16 ก.ค.67 ในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานฯ” และขออนุมัติศาลออกหมายค้นเพื่อทำการตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 13 จุด แบ่งเป็นพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ 1 จุด, จังหวัดสมุทรสาคร 2 จุด, จังหวัดเพชรบุรี 2 จุด, จังหวัดสงขลา 2 จุด และจังหวัดปัตตานี 6 จุด
กระทั้งเมื่อวันที่ 18 ก.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น ได้นำกำลังเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาและตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง ผลการปฏิบัติ พบว่าผู้ต้องหา ทั้ง 3 รายที่ถูกออกหมายจับ ได้หลบหนีไปต่างประเทศ, แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 ราย, จับกุมนายเจ๊ะดอเลาะ อายุ 46 ปี ในข้อหาเกี่ยวกับการครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท, ตรวจค้นสถานที่ตามหมายค้น 13 จุด เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาซักถามปากคำ พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องรวมประมาณ 70 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป