อย. เผยผลตรวจสอบ คลินิกพิมรี่พาย สัปดาห์ก่อน ยังไม่พบโบท็อกซ์-ฟิลเลอร์ “ปลอม” ยัน ซื้อของจากเอเจนซี่ได้ หากเป็นผู้ได้รับอนุญาต
จากกณีที่บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “Restylane” รายเดียวในประเทศไทย ได้ออกหนังสือชี้แจง ระบุว่า บริษัทฯ ขอยืนยันว่า คลินิกชื่อว่า “อิสคิวท์ คลินิก สาขาห้วยขวาง” นั้น ไม่ได้สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านทางบริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด แต่อย่างใด หลังจากนั้น “พิมรี่พาย” หุ้นส่วนคลินิกได้ออกมาชี้แจงว่า ทางคลินิกรับมาจากเอเจนซี่รายย่อยต่างๆ ไม่ได้รับมาจากบริษัทใหญ่โดยตรง จึงทำให้ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่า ผลิตภัณฑ์เสริมความงามในอิสคิวท์ คลินิก ได้มาจากที่ใด มีความปลอดภัยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบคลินิก “อิสคิวท์ คลินิก สาขาห้วยขวาง”เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่าน อีกครั้งเพื่อตรวจสอบทั้งประเด็นของแพทย์ประจำคลินิกและเวชภัณฑ์ที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ข้อมูลการสุ่มตรวจสถานประกอบการโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.64 ลงพื้นที่ตรวจสถานบริการ “อิสคิวท์ คลินิก” แต่ไม่ใช่สาขาห้วยขวาง โดยทาง สบส. จะเข้าไปดูว่าสถานพยาบาลถูกต้องหรือไม่ ผู้ปฏิบัติการได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ส่วน อย.เข้าไปดูผลิตภัณฑ์ว่าได้รับการขึ้นทะเบียนและเหมาะกับสถานบริการนั้น ๆ หรือไม่ เช่น ตามที่เรากำหนดว่าคลินิกที่จะมียารักษาวัณโรคจะต้องเป็นคลินิกที่ขึ้นทะเบียนรักษาวัณโรค แต่หากคลินิกที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนแต่มียา ก็ถือว่ามีความผิด
“ในส่วนของคลินิกอิสคิวท์ ตามที่เราไปตรวจผลิตภัณฑ์ของเขาไม่ว่าจะฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่ขึ้นทะเบียนจาก อย. จึงยังไม่พบความผิดเรื่องจากการยาจากคลินิกดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากบริษัทฯ นำเข้ามีความสงสัยในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ก็สามารถแจ้งเรื่องมาให้ตรวจสอบได้ แต่เบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเช่นนี้ ทาง สบส. และ อย. ก็จะเข้าไปสุ่มตรวจทางสถานบริการอีกครั้ง โดยไม่แจ้งกับคลินิกดังกล่าวล่วงหน้าว่าจะเข้าไป” นพ.สุรโชค กล่าว
เมื่อถามว่าการซื้อจากเอเจนซี่หรือผู้ขายรายอื่นๆ ได้หรือไม่ นพ.สุรโชค กล่าวว่า การที่ได้มาของผลิตภัณฑ์ที่ทางบริษัทฯ ผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าอาจไปขายให้รายอื่น แล้วมีการขายต่อกัน การซื้อจากเอเจนซี่ จะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนการซื้อขายยาโดยตามข้อกำหนด หากเป็นยา เช่น โบท็อกซ์ จะต้องเป็นคลินิกหรือร้านยา หากเป็นเครื่องมือแพทย์ เช่น ฟิลเลอร์ ที่เราไม่ได้กำหนดคนขาย แต่กำหนดสถานที่ที่ควรจะมีเครื่องมือนั้นๆ
เมื่อถามว่าหากคลินิกบางแห่งที่ขาย ฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ในราคาที่ต่ำกว่าราคาท้องตลาดมากๆ ประชาชนจะดูว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ เป็นของแท้หรือไม่ได้อย่างไร นพ.สุรโชค กล่าวว่า ในแง่ของการประกอบวิชาชีพ ทาง สบส.จะเข้าไปดูว่ามีการโฆษณาตัดราคากัน ซึ่งจะมีระเบียบกำหนดอยู่แล้ว ส่วนในแง่ผลิตภัณฑ์ที่ราคาไม่เหมาะสม ทาง อย.ก็จะสุ่มตรวจของ เช่น ตรวจความถูกต้องของผลิตภัณฑ์ หรือมีสต็อกในคลินิกไม่เยอะ แต่ให้บริการไปจำนวนมาก ก็มีความเสี่ยงว่าจะใช้ของปลอมได้
ส่วนภาคประชาชน ไม่สามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ ดังนั้น เป็นหน้าที่หลักที่หน่วยงานจะเข้าไปดู ส่วนการเข้ารับบริการในคลินิกเสริมความงาม ดังนั้น ขอให้ประชาชนตรวจสอบให้มีความมั่นใจว่าสถานบริการนั้นได้รับทะเบียนถูกต้อง ตามป้ายประกาศที่ติดหน้าคลินิก มีแพทย์ที่ขึ้นทะเบียนกับแพทย์สภาถูกต้อง ซึ่งสามารถตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ เพราะในเรื่องผลิตภัณฑ์ถ้าเขาจะโกงจริงๆ ก่อนจะฉีดเขาหยิบกล่องให้ดู แต่พอฉีดจริงก็อาจเอาอย่างอื่นมาฉีดได้
“เชื่อว่าหากเป็นแพทย์จริง สถานบริการที่ขึ้นทะเบียนจริง ความเสี่ยงที่จะทำมันไม่คุ้ม ส่วนใหญ่ที่เอาของไม่จริงไปทำ มักเป็นแพทย์ไม่จริง เพราะแพทย์จริงเขาไม่เอาวิชาชีพมาเสี่ยง ผมว่าผลที่เขาจะโดนโทษมันไม่คุ้ม” นพ.สุรโชค กล่าวละว่า อย่างไรก็ตาม หากเราพบสถานบริการที่มีการโฆษณาส่อไปในความผิดเราก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปสุ่มตรวจอยู่แล้ว