อยู่ไม่ได้แล้ว! ชาวแม่สาย รวมตัวเรียกร้องภาครัฐ แก้ไข PM 2.5 อย่างจริงจังเสียที ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทุกวันนี้ชาวบ้านอยู่อย่างลำบาก
27 พ.ค. 2566 – ที่ลานหน้าที่ว่าการ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ชาวแม่สายได้รวมตัวกันประมาณ 200 คน โดยมี นายเศวตยนต์ ศรีสมุทร รองประธานหอการค้าเชียงราย นายรชต ไชยวรรณ์ และ นายตระสัก ศรีธิพรรณ์ ตัวแทนเครือข่ายภาคเอกชนและประชาชน อ.แม่สาย จัดกิจกรรมเรียกร้องให้แก้ไขไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน
โดยมีการรับบริจาคอุปกรณ์ น้ำดื่ม เครื่องใช้ที่จำเป็น เพื่อนำไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในพื้นที่และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อ นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันที่รุนแรงในขณะนี้ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมต้องการให้ภาครัฐเจรจาหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน ผลักดันให้เป็นวาระอาเซียน รวมผลักดันให้ภาคเอกชนที่ไปส่งเสริมทำการเกษตรได้แก้ไขปัญหาเพื่อลดการเผาป่าจนเกิดเป็นฝุ่นละอองพิษ
การเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ในช่วงนี้ ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 10 ปี นับตั้แต่เกิดปรากฎการณ์ฝุ่นหนาแน่นเมื่อปี 2554 เป็นต้นมา ดังนั้นจึงทำให้ชาวแม่สายไม่อาจจะทนอยู่ได้อีกต่อไปเพราะถ้าปล่อยเอาไว้ไม่ทำสิ่งใดปัญหาก็จะเกิดขึ้นทุกปีและอาจจะหนักยิ่งขึ้นไปอีก กิจกรรมครั้งนี้จึงคาดหวังให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญด้วย
นายสมยศ นิตยโรจน์ ชาวแม่สาย กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีนี้ปัญหาหมอกควันหนักมาก อยากให้รัฐเข้ามาแก้ไขแบบถาวร ไม่ใช่ว่ามาแก้เฉพาะหน้าแล้วปีหน้ามีอีก ถ้าไม่แก้ถาวรปีหน้าเราก็ออกมาเรียกร้องแบบนี้อีก ทุกวันนี้ชาวแม่สายอยู่อย่างทรมาน ทั้งเด็กและคนชราอยู่อย่างยากลำบาก
น.ส.ผกามาศ เวียร์รา รองประธารหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตอนนี้ต้องมาดูสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เกิดการจากเผาในประเทศเพื่อนบ้านหรือในประเทศของเรา ต้องมาคุยกัน อย่างในเรื่องการเผาวัชพืชจะต้องให้ความรู้ชาวบ้าน และรณรงค์ไม้ให้มีการเผาอย่างจริงจัง ในส่วนของประเทศเพื่อนบ้าน หลายภาคส่วนจะต้องคุยกันเพื่อหาทางออกของปัญหาร่วมกัน เราไม่สามารถแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเราเองได้
ทั้งนี้หลังจากยื่นหนังสือต่อทางนายอำเภอแม่สายแล้ว มวลชนมีแผนว่าจะเดินรณรงค์ไปยังบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย แต่เนื่องจากฝุ่นละอองหนาแน่นโดยกรมควบคุมมลพิษรายงานว่าที่ อ.แม่สาย มีค่า PM 2.5 หนาแน่นถึงระดับ 543 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จึงให้งดการเดินในที่โล่งเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ ทำให้กลุ่มพลังมวลชนใช้รถยนต์ขับรณรงค์และสลายตัว