‘อมรัตน์’ เดือด แฉ กองทัพโป๊ะแตก ปล่อยผู้รับเหมาก่อสร้างก่อนประกาศผู้ชนะประมูล ลุกมอบกระจกให้ ‘ประยุทธ์’ ส่องเวลาว่าใคร ฟาดแรงยอมรับทำรัฐประหารกลางสภาฯ
เมื่อเวลา 10.29 น. วันที่ 21 ก.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆของกองทัพ ว่าไม่อาจไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บุคคลที่มีอำนาจ แต่ไร้ทั้งความสามารถและความรับผิดชอบ ใน 3 ประเด็น 1.จงใจปล่อยปละละเลยให้เกิดเครือข่ายทุจริตในกองทัพ 2.สร้างความเสื่อมเสียแก่พระเกียรติยศในโครงการเทิดพระเกียรติ และ3.มีจิตสำนึกเผด็จการ สันดานทรราชย์ หลังรัฐประหารยังจงใจบ่อนทำลายระบอบการปกครองและอุดมการณ์ประชาธิปไตย
นางอมรัตน์ กล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลในโครงการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 ที่ค่ายภูมิพล จ.ลพบุรี โดยได้กล่าวถึงที่มาของงบประมาณที่สูงราว 60 ล้านบาท ว่า ประชาชนต่างตั้งคำถามว่าเหตุใดถึงใช้งบประมาณจำนวนมาก ทั้งที่สร้างเพียงแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ และปรับภูมิทัศน์ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 โครงการย่อย คือ 1.โครงการรื้อถอนอนุสาวรีย์พระยาพหล และจอมพล ป. มูลค่า 1.2 ล้านบาท โดย หจก.ภูวเณศ เป็นผู้ชนะประมูล แต่พบว่ามีผู้รับเหมาเข้าไปรื้อถอนก่อนที่กองทัพบกจะมีประกาศผู้ชนะการประมูล โดยเข้าไปทำงานตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.63 แต่มีประกาศเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 64 และเมื่อดูภาพถ่ายผ่านดาวเทียมก็พบว่าสอดคล้องกันระยะเวลาข้างต้น นั่นแสดงให้เห็นว่ามีผู้รับเหมาเข้าไปทำงานก่อนถึง 15 เดือน
นางอมรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าโครงการสร้างแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 ของกรมยุทธโยธาทหารบก มูลค่า 59.99 ล้านบาท ปรากฏว่าบริษัท ไอยเรศ จำกัด ชนะการคัดเลือก ด้วยการเสนอราคา 59,873,500 บาท โดยโครงการนี้ได้มีการประกาศตัวผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 14 ก.ค. 64 และทำการเซ็นสัญญากันในวันที่ 27 ส.ค.64
แต่เมื่อดูจากแผนที่ทางดาวเทียมพบว่ากองทัพได้ให้ผู้รับเหมาเริ่มทำงานไปล่วงหน้าแล้วตั้งแต่เดือนธ.ค. 63 โดยภาพถ่ายทางดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าในช่วงเดือนเม.ย. 64 โครงการที่ว่านี้ได้คืบหน้าไปมาก จนโครงสร้างฐานรากของแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 ใกล้เสร็จสมบูรณ์สามารถมองเห็นได้ชัดจากภาพถ่ายทางดาวเทียม
“ทั้ง 2 กรณีชัดเจนว่าเริ่มการก่อสร้างกันตั้งแต่ยังไม่มีการประกาศราคากลาง ยังไม่มีการประกวดราคา ยังไม่มีการทำสัญญา พูดง่ายๆ กองทัพล็อคผู้รับเหมา แล้วให้เข้าไปทำงานล่วงหน้าอย่างน้อยๆ 4 เดือน ข่าวประชาสัมพันธ์ของกองทัพบกระบุว่าโครงการนี้ทำตั้งแต่ปี 63 ถือเป็นการสารภาพเสียเอง
ขณะเดียวกันก็มีประกาศผู้ชนะประมูลและเซ็นสัญญาณในปี 64 แบบนี้ท่านหลอกได้แต่ลิงที่ลพบุรีเท่านั้น นายกชี้หน้าด่านักการเมืองกล่าวหาว่าทุจริตอ้างเป็นเหตุให้เข็นรถถังทำรัฐประหาร แต่กองทัพที่ตัวเองดูแลอยู่กลับแกล้งปิดตาข้างเดียว ปล่อยให้เน่าเหม็น เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง กองทัพย่ามใจอย่างไร ถึงได้กล้าหากินไม่เว้น แม้กระทั่งโครงการที่อ้างว่าทำเพื่อความสง่างามสมพระเกียรติ และเพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงร.9 รักชาติจนน้ำลายไหลขนาดนี้เลยหรือ” นางอมรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ นางอมรัตน์ ยังกล่าวถึงโครงการก่อสร้างบ้านพักรับรอง ผบ.ทร. มูลค่า 65 ล้านบาท ว่ามีลักษณะเช่นเดียวกับโครงการข้างต้นที่มีการให้ผู้รับเหมาเข้าไปก่อสร้างก่อนที่จะประกาศผู้ชนะประมูลและเซ็นสัญญา และระบุว่าการประกวดราคาในกองทัพบกเป็นเพียงพิธีกรรม เพราะแอบล็อกสเปกไว้ก่อนหน้า มีการจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาให้นายพลมากน้อยต่างกันตามยศ ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายจนเคยชิน แบบนี้จะให้ตนเรียกว่ากองทัพหรือกองโจร
จากนั้น นายชวนที่ทำหน้าที่ประธานควบคุมการประชุมได้ตักเตือนอย่าใช้คำว่ากองโจร เพราะต้องมองกองทัพในแง่ดี ซึ่ง นางอมรัตน์ กล่าวว่า มีสิทธิ์ที่จะใช้คำว่ากองโจร เพราะเป็นการพูดถึงกองทัพในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ บริหาร แต่ทั้งนี้ ทหารดีก็มีอยู่จำนวนมากเช่นกัน
นางอมรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในกองทัพยังมีผู้รับเหมาแบบผูกปิ่นโตอยู่ไม่กี่ราย ที่เห็นชัดเจน เช่น โครงการก่อสร้างที่จ.ลพบุรี บริษัทไอยเรศ ซึ่งเป็นบริษัทเครือเดียวกันกับบริษัทเบ็ญจมาศ ซึ่งไม่ใช่บริษัทมหาชน แต่รับงานทั้งหมดจากกลาโหมทุกอย่างทั้งโครงการขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ผูกปิ่นโตเป็นเจ้าประจำ บริษัทไอยเรศ เสนอราคาก่อสร้างที่ลพบุรี ต่ำกว่าราคากลางเพียง 0.12% ขณะที่บริษัทคู่เทียบ เสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง0.5 0.6%
นางอมรัตน์ ยังกล่าวถึงโครงการพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าว่า มีการขยายวงเงินหลายครั้ง และลงมือก่อสร้างไปแล้วที่เขตดุสิต กรุงเทพ แต่แล้วเมื่อวันที่ 1 ต.ค.60 สั่งให้ยุติโครงการ ทั้งที่ใช้งบประมาณไปแล้ว 600 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะย้ายไปสร้างในที่ดินพระราชทานที่ห้วยขวาง และด้วยเหตุนี้จึงสบโอกาสขยายวงเงินโครงการก่อสร้างเป็น 6.3 พันล้านบาท
“วานนี้ (20 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ แสดงพฤติกรรมชูแขน แอ่นอก ยิ้มร่า รับว่าตัวเองก่อการกบฏเพียงคนเดียว การหัวเราะเรื่องรัฐประหารในสภาแห่งนี้ คือการไร้ยางอาย ไม่มีวุฒิภาวะ ทำอะไรไม่ถูกกาลเทศะ ถ้าปล่อยพล.อ.ประยุทธ์ครองอำนาจต่อไป วันหนึ่งตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็จะไม่มีเหลือ และฝากถนนหมายเลข 1 ชื่อถนนพหลโยธิน โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ที่จังหวัดกาญฯ ช่วยดูแลด้วยไม่เช่นนั้นจะหายไปอีก ดิฉันไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ และรมว.กลาโหม ต่อไป” นางอมรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนท้ายนางอมรัตน์ ยกกระจกมอบให้นายกฯ และกล่าวว่า “ขอให้นายกฯส่องกระจก เวลาชี้หน้าใครว่าก่อความไม่สงบ เที่ยวชี้หน้าใครว่าไม่มีมารยาท ไม่รักชาติให้มองที่กระจกบานนี้ และเวลาที่ท่านว่าใครว่าไม่อ่านประวัติศาสตร์ ก็ขอให้มองกระจกบานนี้ ทั้งหมดคือคนในกระจก” จากนั้น นางอมรัตน์ได้เดินจากที่นั่งตรงที่ใช้อภิปราย เพื่อนำกระจกไปยื่นต่อหน้านายกฯ