“อภิสิทธิ์” ถอนตัวชิงหัวหน้าพรรค หลังเคียร์ใจ”เฉลิมชัย” พร้อมลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะ “สาธิต” ผิดหวังไม่ยอมให้ ”มาดามเดียร์” ลงแข่งขัน จึงลาออกตาม
“ชวน“ ลุกเสนอชื่อ “อภิสิทธิ์” ชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค หลังยอมรับ ปชป.ตกต่ำ จำต้องให้มากอบกู้อีกครั้ง ด้าน ”อภิสิทธิ์“ ขอ ”เฉลิมชัย “ เคลียร์ ส่วนตัว 10 นาที ก่อนประกาศลาออกสมาชิกพรรค ยันกรีดเลือกเป็นสีฟ้า เป็นลูกพระแม่ธรณี ไม่ไปพรรคอื่นแน่นอน จะกลับมาหากพรรคต้องการ ในเวลา 10.03 น. พรรคประชาธิปัตย์เริ่มเปิดการประชุมวิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคใหม่คนใหม่ เป็นครั้งที่ 3 หลังล่มมาแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ
จากนั้น เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม นายชวน หลีกภัย ได้เสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า นี่คือช่วงปลายของชีวิต ที่ได้เห็นการเติบโต เปลี่ยนแปลง ล้มลุกคุกคลานของพรรค พรรคถูกฟ้องยุบพรรค 2 ครั้ง ในฐานะหัวหน้าทีมสู้คดี สามารถสู้จนชนะได้ จึงอยากให้ทุกคนรำลึกถึงบุญคุณนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ และเล็ก นานา เจ้าของที่ดินของที่ตั้งพรรค วันนี้มีนายบุพ นานา ลูกของเล็ก นานา มาร่วมประชุม หวังว่าพวกเราเรียนรู้ความผิดพลาด และไม่เคยคิดให้พรรคเป็นพรรคอะไหล่ หรือพรรคประกอบ
ไม่อยากให้ใครมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสุดท้ายที่จะพิจารณา และยอมรับว่าสถานการณ์พรรคตอนนี้ตกต่ำ ได้ ส.ส.เพียง 25 เสียง ได้คะแนนเพียง 900,000 ดังนั้น ในครั้งนี้ขอเสนอนายอภิสิทธิ์ เพราะเห็นว่าสถานการณ์การเมืองคนที่จะเลือกมาต้องไม่ด้อยกว่าพรรคอื่น และเชื่อว่าจะนำพรรคไปสู่แนวทางประชาธิปไตย และฟื้นฟูพรรคได้ ซึ่งระหว่างที่นายชวนกล่าว นายอภิสิทธิ์มีน้ำตาคลอเบ้า
นายอภิสิทธิ์ ได้ลุกขึ้นพูดในที่ประชุมว่า เมื่อพรรคตัดสินใจตามนี้ก็ต้องเดินทาง วันนี้ไม่มีใครชนะใครแพ้ เหลือผู้สมัครกี่คนก็ตาม วันนี้พรรคเดินต่อไม่ได้ ถ้าไม่มีความเป็นเอกภาพที่แท้จริง ผมลงผมแพ้ก็น่าจะมีปัญหา ผมลงผมชนะยิ่งมีปัญหา เพราะกระบวนการที่เกิดขึ้นหลายเดือนที่ผ่านมา วันนี้หลายคนไม่มาเพราะเจตนา ถามตนว่าทำไมไม่คุยกัน และพาดพิงว่าตนไม่คุย และตนยืนยันไม่จริง นายองอาจ คล้ามไฟบูลย์ , นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ , นางวทันยา บุนนาค พยายามบอกให้คุยกัน แต่ถูกปฏิเสธ และไม่กล้าถาม
ดังนั้น วันนี้ จึงขอพูดคุยกับรักษาการหัวหน้าพรรค ” ขอให้พักการประชุม แล้วคุยกับผมไหม “โดยนายเฉลิมชัย บอกว่า ขอเรียนไม่เคยปฏิเสธความจริงว่าต้องรับผิดชอบสิ่งที่พูด อยู่ดีๆไม่มีใครพูดส่งเดช เพราะต้องมีที่มาที่ไป และบางครั้งมีสถานการณ์บางอย่าง และจะไม่บอกว่าผูกพันธ์กับพรรคกว่าใคร แต่มันคือสายเลือด จึงพร้อมคุยกับนายอภิสิทธิ์ ” จะคุยกับผมสองคนได้ไหม ผมกับท่านเราไม่เคยทะเลาะกันเลย เรียกว่ามองตาก็รู้ใจกัน และวันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น “
จากนั้น เฉลิมชัย จึงสั่งพักการประชุมเป็นเวลา 10 นาที ในเวลาประมาณ 11.15 นาที จากนั้น ในเวลา 11.34 น. หลังการหารือเสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์ ประกาศถอนตัวและลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคว่า ได้เรียนเรียนรักษาการหัวหน้าพรรคว่า จะขอถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครหัวหน้าพรรค ด้วยเหตุผลที่แจ้งให้ท่านทราบทและด้วยเหตุผลเดียวกันตนขอลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์
พร้อมยืนยันว่า ตนไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดผมมา ก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย เป็นลูกพระแม่ธรณี ที่จะเอาอุดมการณ์พรรครับใช้บ้านเมืองต่อไป วันข้างหน้า ถ้าในพรรคคิดว่า ผมจะเป็นประโยชน์มาช่วยได้ ผมก็คงไม่ปฏิเสธ แต่วันนี้เพื่อให้คนที่มีสถานะ และมีอำนาจบริหารต่อไป ทำวานด้วยความสบายใจ ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ต้องหวาดระแวง เรื่องผม เรื่องใครใดๆ ทั้งสิ้น ก็ขออนุญาตที่จะลาออกและถือโอกาศขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อยู่ห้องนี้ และไม่ได้อยู่ห้องนี้และเจ้าหน้าที่ของพรรคก็คนที่ได้ทำงานและสนับสนุนผมตลอดมา ผมมีแต่ความปรารถนาดีต่อพรรคและหวังว่าผู้บริหารชุดใหม่จะทำงานได้สำเร็จตามที่รักษาการหัวหน้าแจ้งไว้กับผม “
จากนั้น ได้นายอภิสทิธิ์ ได้ยกไหว้สมาชิกทั่วห้อง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องประชุม เดินทางกลับทันที โดยบอกว่า ได้พูดไปหมดแล้ว จากนี้ไม่มีอะไรค้างคาใจ ส่วนจากนี้จะวางบทบาททางการเมืองอย่างไร ยอมรับว่า ยังไม่ได้คิด เมื่อถามว่าคาดการณ์ล่วงหน้าว่า หากพูดคุยกับนายเฉลิมชัยแล้วจะลาออกจากพรรค ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว และในระหว่างการคุยกันนายเฉลิมชัย บอกว่า จะไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ จึงทำให้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกนั้น นายอภิสิทธิ์ บอกว่า เดี๋ยวท่านก็พูดเอง เมื่อถามย้ำว่า การตัดสินใจลาออกได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยังคงปฏิเสธการตอบ พร้อมกับเดินขึ้นรถ โดยในระหว่างนั้น มีสมาชิกพรรควิ่งจับมือ ซึ่งนายอภิสิทธิ์บอกว่า เดี๋ยวเจอกัน ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป
เวลา 11.40 น. ภายหลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศถอนตัวจากการชิงหัวหน้าพรรคและลาออกจากสมาชิกพรรค ในที่ประชุม ก็เดินหน้าการประชุมต่อทันที โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ได้เสนอชื่อนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงชิงหัวหน้าพรรค โดยมีเสียง รับรอง 219 เสียง และมีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้อง
จากนั้น นายขยัน วิพรหมชัย อดีต สส.ลำพูน เสนอชื่อมาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค มีผู้รับรอบ 144 เสียง จากนั้น ก็ของดเว้นคุณสมบัติที่เป็นสมาชิกพรรคไม่ถึง 5 ปี เพื่อเปิดทางให้มาดามเดียร์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประขาธิปัตย์
โดยนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรค ได้ลุกขึ้น สนับสนุนเห็นด้วยให้งดข้อบังคับการประชุม เพื่อเปิดทางให้มาดามเดียลงแข่ง ทำให้ นางสาววทันยา ที่ยืนรอลุ้นผลคะแนนถึงกับตาแดง น้ำตาคลอ พร้อมขอบคุณสมาชิกที่สนับสนุนและเสนอชื่อให้ตนเอง ได้มีโอกาสลงสมัคร แม้เสียงสนับสนุน ให้จะไม่ผ่านเรื่องข้อบังคับก็ตามและ ตอบไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเพราะระบบอุปถัมภ์ แต่เชื่อว่า อุดมการเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงพรรคประชาธิปัตย์ได้ โดยยังไม่ตัดสินใจจากนี้ จะเดินต่อไปกับประชาธิปัตย์ หรือไม่ และจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ จะขอประเมิน เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อน
จากนั้น กระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเดินต่อไป โดยที่ประชุมได้ให้นายเฉลิมชัย แสดงวิสัยทัศน์ หลังเหลือผู้สมัคร คนเดียว โดยนายเฉลิมชัย ระบุว่า รู้ว่าการตัดสินใจของตนในวันนี้มันเจ็บตนเข้าใจแต่ตนพูดอยู่ตลอดเวลาว่าตนคุยกับท่านหัวหน้าอภิสิทธิ์เมื่อสักครู่ตนกรีดเลือดออกมาเป็นสีฟ้าไม่มีสีอื่นเลยและตลอดระยะเวลาที่ตนอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็ยึดหลักการและอุดมการของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลงและเป็นคนที่เคร่งครัดในหลักการเสมอมา และเมื่อตนมาเป็นรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ให้โอกาสตนยืนยันเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตกล้าพูดว่าตนไม่มีมลทินในเรื่องนี้
ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรได้การท้าให้ข้าราชการนั้นตรวจสอบตนไม่ได้ไปในนามเฉลิมชัยแต่ตนไปในนามพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน วันนี้ตนสำนึกในพระคุณของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำให้ตนมีโอกาสมานั่งในวันนี้ยืนยันว่าวันนี้ตนมีความจำเป็นและอยากจะเห็นพรรคเดินไปข้างหน้าตนจะทำทุกอย่างให้พรรคมีเอกภาพ จะทำให้พรรคยึดมั่นในอุดมการ
พร้อมยืนยันกับนายอภิสิทธิ์ว่า ประชาธิปัตย์ไม่เคยเป็นพรรคเป็นพรรคอะไหล่ อะไรก็ตามที่ทำให้การเมืองสะดุดตนก็จะทำทุกอย่างเหมือนที่บอกว่าตนจะพยายามทำตรงนี้ให้ดีที่สุดและจะไม่มีวันทำลายหลักการและอุดมการของพรรคประชาธิปัตย์
หลังแสดงวิสัยทัศน์เสร็จสิ้น เข้าสู่กระบวนการลงคะแนน เพื่อขอเสียงสนับสนุนอย่างเป็นทางการ โดยคะแนนจะต้องเกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุม 260เสียง จากนั้น เมื่อองค์ลงคะแนน ปรากฏว่า ได้คะแนนเพียง 139 คะแนน ไม่ถึง 3ใน4 คือ 195 คะแนนจากองค์ประชุม 260 เสียง ทำให้ มาดามเดียร์ ไม่ได้รับการยกเว้นข้อบังคับและไม่สามารถลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้
จากนั้นเวลา 13.30 น. นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ กกต.ประจำพรรคฯ ได้ประกาศผลลงคะแนนว่าที่ประชุม เลือก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ด้วยคะแนน 88.5 เปอร์เซนต์ จึงถือว่า นายเฉลิมชัย ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากสมาชิกพรรคว่า ณ วันนี้ พรรคมีการเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ ไปมาก เป็นการเลือกตั้งหัวหน้า และ กก.บห. ที่เหมือนจะรู้ผลล่วงหน้า อีกทั้งมีการละทิ้งอุดมการณ์ของพรรค ที่เห็นได้จากโหวต สนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน เป็น นายกรัฐมนตรี
มีคนกลุ่มหนึ่งในพรรคให้ความสำคัญกับคำว่า “พรรคพวก” มากกว่าอุดมการณ์ที่มี ทำให้เห็นทิศทางของพรรคได้ชัดเจนมากขึ้น และพรรคไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ที่ เปลี่ยนแปลงไป โดยไม่เปิดรับผู้สมัครหน้าใหม่ แต่กลับใช้ความเป็นพรรคพวกมานำพรรค ดังนั้น คนที่จะมาเป็นผู้นำพรรค ไม่รักษาสัจจะ ที่เคยให้ไว้ หากคนที่มีคุณสมบัติแบบนี้ เชื่อว่า อนาคตของพรรคจะถูกประชาชนลงโทษ
ทั้งนี้ ตนจึงตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค และจะคอยติดตามว่า กรรมการบริหารพรรคชุดนี้ จะพาพรรคไปอยู่จุดไหน และพร้อมกลับมาทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งเมื่อมีโอกาส ตอนนี้ยังไม่คิดว่าจะไปอยู่พรรคไหน พร้อมเปิดเผยด้วยว่า ยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เดียวกันกับตัวเอง เตรียมที่จะลาออกจากสมาชิกพรรคด้วยเช่นกัน