ถ้าพูดถึง “อบเชย” หลายคนอาจจะงงสงสัยว่ามันคืออะไรกันนะ ? แต่ถ้าเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นซินนามอนคงพอร้องอ๋อกันบ้างใช่มั้ยคะ เจ้าอบเชยหรือซินนามอนนี้เป็นสมุนไพรที่ให้กลิ่นหอม นิยมเอามาทำทั้งของคาวและของหวาน นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสุขภาพรักษาโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอจะพามาดูประโยชน์ของอบเชยกันค่ะ จะมีดียังไงบ้างเราไปดูกันเลย
“อบเชย” ชื่อนี้ไม่เชยอย่างที่คิด
อบเชยมีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศศรีลังกา อยู่ในวงศ์ Lauraceae สกุล Cinnamomum พบเฉพาะในทวีปเอเชียและออสเตรเลีย ถือได้ว่าเป็นยาขนานเอกที่มีสรรพคุณทางยาสูงถูกใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน เพียงนำเปลือกมาต้มน้ำ เปลือกของอบเชยสามารถแก้อาการปวดศรีษะ แก้ไอ แก้อ่อนเพลียได้ เห็นไม่คะว่าอบเชยนั้น ไม่ได้เชยเหมือนชื่อเลย เรามาทำความรู้จักประโยชน์ของอบเชยให้มากขึ้นกันดีกว่า
คุณค่าทางโภชนาการของ “อบเชย”
อบเชยน้ำหนัก 100 กรัม ให้พลังงาน 247 กิโลแคลอรี่ โดยมีสารอาหารต่างๆ ดังนี้
- โซเดียม 10 mg
- โพแทสเซียม 431 mg
- แคลเซียม 1,002 mg
- แมกนีเซียม 60 mg
- เหล็ก 8.3 mg
- วิตามินซี 3.8 mg
- น้ำตาล 2.2 g
- โปรตีน 4 g
- คาร์โบไฮเดรต 81 g
- ใยอาหาร 53 g
- ไขมันทั้งหมด 1.2 g
ที่มา : กองโภชนาการ กรมอนามัย
อบเชยกับประโยชน์ด้านสุขภาพ ที่ไม่เชยเหมือนชื่อ
- แก้อาการวิงเวียนศรีษะ อ่อนเพลีย
หากคุณรู้สึกวิงเวียนศรีษะ อ่อนเพลีย เพียงนำเปลือกอบเชยมาต้มดื่มจะช่วยบรรเทาอาการวิงวิงศรีษะ แก้ท้องเสีย แก้ไอ ช่วยบำรุงสุขภาพ เมื่อดื่มบ่อยๆ จะช่วยย่อยสลายไขมันและควบคุมระดับไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี
- ป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน
เพียงทานอบเชยเป็นประจำ ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีปะสิทธิภาพ โดยทำหน้าที่กระตุ้นโปรตีนที่ช่วยป้องกันเซลล์สมองไม่ให้เสื่อมสภาพไว ช่วยกระตุ้นประสาทและลดความเครียดลงได้เป็นอย่างดี
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด
อบเชยมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะมากสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หากคุณได้กินอาหารที่มีรสหวานหรือน้ำตาลสูงเข้าไป อบเชยจะช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลง และยังมีคุณสมบัติพิเศษป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อนอีกด้วย
- กำจัดเชื้อแบคทีเรียภายในช่องปาก
จากผลการวิจัยพบว่าอบเชยนั้นมีคุณสมบัติช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก นอกจากนี้ยังช่วยลดปริมาณแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำลายได้อีกด้วย เพียงต้มน้ำประมาณ 1 แก้ว และใส่ผงอบเชยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมากรองเอาเฉพาะน้ำ รอจนหายร้อนจึงนำมาบ้วนปา ช่วยทำให้ลมปากสดชื่น
ข้อควรระวัง
เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ และสตรีมีครรภ์ ห้ามรับประทานอบเชย และผู้ป่วยมีไข้ เป็นโรคริดสีดวงทวาร อุจจาระแข็ง เป็นต้น อบเชยจีนมีสารคูมารินซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อตับ และการได้รับสารนี้ในปริมาณมากเกินไปอาจมีปัญหาต่อตับ สำหรับคนที่ป่วยเกี่ยวกับโรคตับ ไม่ควรรับประทานอบเชย