“อนุทิน” ลั่นแบน “บุหรี่ไฟฟ้า” ทุกรูปแบบ ไม่เชื่อโฆษณาไร้อันตราย-ไม่มีผลกระทบ ย้ำสูดควันเข้าปอดอันตรายทั้งหมด “กัญชา” ก็ไม่ให้สูบ ใช้การแพทย์เท่านั้น
วันที่ 29 ส.ค. 65 ที่แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเปิดการประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 20 เรื่อง “บุหรี่ไฟฟ้า ภัยซ่อนเร้นในสังคม” จัดโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ ว่า บุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งผู้สูบและผู้ใกล้ชิด จากการสูดควันบุหรี่ที่มีสารอันตรายต่อสุขภาพ
โดยองค์การอนามัยโลกกำหนดยาสูบเป็น 1 ใน 9 ปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคไม่ติดต่อ ซึ่งหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องทำทุกวิถีทางป้องกันประชาชนที่ไม่สูบบุหรี่ เด็ก เยาวชน และหญิงตั้งครรภ์จากพิษภัยบุหรี่ทุกประเภท ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า เป็นภัยซ่อนเร้นในสังคม มีอันตรายต่อสุขภาพทุกระบบร่างกาย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว นำมาสู่การเสพติด
นายอนุทิน กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เยาวชนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ เริ่มต้นอยากสูบเร็วขึ้น และมีโอกาสได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่มากขึ้น เกิดผลกระทบในวงกว้าง ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สธ.กำหนดมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบทุกมิติ รวมทั้งกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนสังคมและสถานที่สาธารณะปลอดบุหรี่ ซึ่งขอยืนยันว่า สธ.ภายใต้การบริหารของตนในช่วง 3 ปีที่รับตำแหน่ง ไม่สนับสนุนและไม่อนุญาตให้มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าหรือให้นำเข้าอย่างแน่นอน
“ไม่ว่าจะโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใดว่า ไม่เป็นอันตรายสุขภาพ ไม่มีผลกระทบใด ๆ ย้ำว่า สธ.ในยุคนี้ไม่เชื่อและไม่ให้การสนับสนุน จะไม่ยอมใหม่มีช่องว่างช่องโหว่ใดให้แทรกซึม แต่ที่เห็นยังมีการสูบเป็นการลักลอบนำเข้า ซึ่งกฎหมายห้ามไม่ได้ เจ้าพนักงานก็ต้องไปดำเนินการ ส่วนที่อ้างว่าทำไมบุหรี่มวนให้สูบ นี่เป้นเรื่องดั้งเดิม เราก็รณรงค์ไม่ให้สูบทุกรูปแบบ แปะรูปน่ากลัวบนซอง คนที่จะสูบก็ต้องตัดสินใจ เพราะไม่มีข้อมูลใดแสดงประโยชน์ของการสูบ แม้กระทั่งกัญชาเราก็ไม่ให้สูบ ให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น สำหรับผมอะไรเข้าปอดไม่ว่าจะสูบอะไร ควันดี ควันเสีย เกิดมาไม่เคนเห็นว่ามีประโยชน์” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ต้องมองทุกอย่างเห็นพ้องต้องกันว่า การนำสารหรือควันหรือสารระเหยใดก็ตามเข้าสู่ร่างกาย ยังไม่เห็นประโยชน์แม้แต่นิดเดียว ตนเองก็ไม่สนับสนุน แต่ถ้าภาคการเมืองผลักดันเรื่องนี้มากๆ อาจถูกกล่าวหาว่าไปรับล็อบบี้สิ่งเสพติดชนิดอื่นหรือมีวาระซ่อนเร้นส่วนตัว จึงต้องขอการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนมาเป็นพันธมิตร ในการต่อต้านสิ่งเหล่านี้
เพราะเสียงพวกท่านดังกว่าเสียงผม และช่วยเป็นแบ็กเรื่องข้อมูลทางวิชาการหรือทางการแพทย์ในการไปสู้กับข้ออ้างของบุหรี่ไฟฟ้า เช่น อ้างว่าทำมาช่วยเลิกสูบบุหรี่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องร่วมมือกันทำงานมากขึ้น ซึ่งตนในฐานะประธานบอร์ด สปสช.ก็ช่วยขับเคลื่อนตามข้อเรียกร้องของนายกแพทยสภา ในการบรรจุยาเลิกบุหรี่ที่มีราคาแพงให้ครอบคลุมในระบบหลักประกันสุขภาพ