‘อนุทิน’ ยันมาตรการรับมือ “ฝีดาษลิง” เหมาะสมกับสถานการณ์ เพิ่มคัดกรองที่สนามบิน ชี้ตุ่มหนองแพร่เชื้อเกิดในที่ลับ ย้ำเลี่ยงเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการป้องกันโรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง (Mokeypox) ในประเทศไทย ว่า การจะยกระดับว่าเป็นระดับใด ต้องดูความสามารถในการแพร่เชื้อของโรค และธรรมชาติการแพร่เชื้อด้วย กรณีโรคฝีดาษลิงมีลักษณะการแพร่เชื้อโดยการสัมผัสใกล้ชิดมากๆ ขณะนี้เราต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนถึงโรคดังกล่าว เตรียมความพร้อมเพื่อเฝ้าระวัง รวมถึงการคัดกรองสอบสวนโรค
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การรับมือขณะนี้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ ตอนนี้มีการเพิ่มระดับการคัดกรองที่สนามบิน เน้นกลุ่มผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยง เช่น ประเทศทางตะวันตก รวมถึงประเทศอื่นๆ แต่เราก็เน้นการคัดกรองผู้เดินทางมาทางอากาศเป็นส่วนใหญ่
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ปัญหาส่วนหนึ่งของการป้องกันโรค คือ พฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยง เช่น การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคฉุกเฉินออกมาให้ข้อมูลกับประชาชนทุกวัน ซึ่งมีข้อมูลว่า ความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงมีน้อย แต่จะเกิดตุ่มหนองขึ้นตามร่างกาย เพียงแต่เวลาเรามองเห็นแล้วก็จะดูน่ากลัว เพราะมีแผล มีตกสะเก็ด ยิ่งในจุดซ่อนเร้นยิ่งมีแผลมาก
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลป้องกันโรคระดับครัวเรือน อยากให้ทุกบ้านคุยกันถึงความเสี่ยงในการติดต่อเชื้อ หากมีกลุ่มที่มีความเสี่ยงก็ต้องคุยกันว่ามีอะไรที่เราต้องระวัง ส่วนนักเที่ยวที่มีความเสี่ยงมากๆ ทาง สธ.จะเร่งทำความเข้าใจ ออกข่าวประชาสัมพันธ์ให้มากที่สุด และหมั่นตรวจตราในสถานที่เสี่ยง
“โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่เราเลี่ยงได้ มีการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงได้ โดยเฉพาะเรื่องเพศสัมพันธ์ เพราะตุ่มหนองที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อมักขึ้นในจุดลับ”
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับการรักษาโรค ใช้การรักษาตามอาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะหายได้เอง ส่วนเรื่องวัคซีนป้องกันฝีดาษ จะสำรองให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อน เพื่อป้องกันคนทำงาน และสำรองไว้อีกส่วนหนึ่งในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
ทั้งนี้ มีการเตรียมห้องแยกโรคไว้ให้ผู้ป่วย แต่ไม่ถึงขั้นกับโรคโควิดที่เป็นการแพร่เชื้อในระบบทางเดินหายใจ สำหรับการควบคุมโรคอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อย่างที่เจอโควิด เราได้ความร่วมมือจากประชาชนอย่างดี ทำให้เราควบคุมโรคได้ ทุกวันนี้พี่น้องประชาชน ก็ยังสวมหน้ากากอนามัยอยู่ จึงเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด