อนันดา ภูมิใจ พ่อแม่เป็นไอคอนตำนานรัก ฝรั่งกับสาวลาวดำน้ำข้ามโขง ถูกรื้อประวัติ เป็นสายเลือดผู้บุกเบิกประเทศออสเตรเลีย
หลังจากที่มีโปรเจ็กต์ว่ายน้ำข้ามโขงของ โตโน่ ภาคิน ท่ามกลางกระแสโซเชียลมากมาย เลยทำให้มีเพจดังย้อนเล่าตำนานรักข้ามฝั่งโขง ซึ่งเป็นเรื่องราวของฝรั่งกับสาวลาว ดำน้ำข้ามฝั่งหนีมาไทย เพื่อลี้ภัยจากระบอบคอมมิวนิสต์ของประเทศลาว
ซึ่งสองคนดังกล่าวก็คือพ่อกับแม่ของซุปตาร์ในเมืองไทยอย่าง “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” งานนี้ก็เลยทำเอาหลายคนที่ยังไม่รู้เรื่องนี้ถึงกับเซอร์ไพรส์แล้วก็ชื่นชม แถมยังมีการเปิดเผยข้อมูลว่า อนันดา มีสายเลือดของหนึ่งในผู้บุกเบิกประเทศออสเตรเลีย
ล่าสุด อนันดา มาร่วมงาน “สหมงคลฟิล์ม” เปิดตัวครั้งแรกของภาพยนตร์แอ๊กชั่นฮีโร่ไทย “ขุนพันธ์ 3” ในงาน“Thailand Comic Con 2022” ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เจ้าตัวเลยได้เปิดใจถึงเรื่องของครอบครัว ว่ารู้สึกภูมิใจ
หลังจากโตโน่ไปว่ายน้ำข้ามโขง ก็เลยมีเพจดังหยิบตำนานรักข้ามโขง ขึ้นมาพูดถึงอีกครั้งซึ่งก็ทำเอาหลายคนsurpriseว่านั่นคือ พ่อแม่ของอนันดา ในฐานะลูกมีความรู้สึกยังไง?
“ก็ต้องขอขอบคุณ โตโน่ แต่ก็ต้องบอกอย่างนี้จริงๆ ว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร อันนี้ก็เพิ่งได้ยินเลยครับ แต่มันก็เป็นเรื่องของครอบครัว ผมเองผมก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว“
แต่หลายๆ คนอาจจะเสพแค่ผลงานอาจจะไม่ได้รู้ประวัติครอบครัวแบบลึกซึ้ง ก็ surprise และชื่นชมไปด้วย?
“ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันครับ กว่าผมจะเกิดมาได้ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่ครับ ก็มีการว่ายข้ามโขงกันมาฮะ จริงๆ เรื่องของพ่อแม่ถ้าใครอยากรู้ก็ลองไปสืบไปหาดูก็ได้ครับ เพราะว่ามันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น เรื่องประวัติของเขา จริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยูนีกมากเหมือนเหมือนกัน คือมันก็แปลกเนาะอย่างผมเป็นลูกของพ่อแม่ ผมก็เลยรู้สึกเห็นเขาเป็นแค่พ่อแม่แต่พอนึกกลับไปกว่าเขาจะมาถึงจุดนี้กันได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เรื่องของความรัก หรือถ้าใครสนใจที่ไม่ใช่อาจจะเป็นแค่ความรัก แต่เป็นเรื่องหลายอย่างที่เขาทำ คือมันอยู่ในช่วงสงครามเวียดนาม ใครสนใจเรื่องของสงครามประวัติของสงครามก็ไปไปดูเรื่องประวัติของพ่อแม่ได้เช่นเดียวกัน จะได้เห็นประวัติทางสงคราม ประวัติคอมมิวนิสต์ในลาว“
เพราะเรื่องราวนี้ก็ถูกนำไปสร้างเป็นหนังเลย ส่วนตัวของเราได้ดูหนังไหม?
“เคยดู ตอนนั้นเป็นหนังที่พระเอกฝั่งฮอลลีวู้ดเขาแสดง ชื่อ Michael Landon หนังเรื่อง Love is Forever อาจจะหายากนิดนึง แต่ว่าพอนึกกลับไปนี่มันก็เป็นเรื่องเรื่องแปลกเหมือนกัน มันอาจจะเป็นเป็นดวงเป็นกรรมที่ผมมาอยู่ในวงการนี้ ก็เพราะว่าตอนที่ผมเกิดปี 1982 เป็นปีที่เขาสร้างหนังเรื่องนั้น แล้วตั้งแต่เด็กอ่ะผมก็อยู่ในกองถ่าย โตมาก็ยังอยู่ในกองถ่ายและจนทุกวันนี้ผมก็ยังอยู่ในกองถ่าย“
ยิ่งไปกว่านั้นก็มีเรื่องของคุณทวด ที่เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกประเทศออสเตรเลีย?
“คือประวัติครอบครัวผมมีเยอะ อย่างคุณทวดเราชื่อ แมทธิว เอเวอร์ริ่งแฮม แถมก็เป็นชื่อกลางของผม ผมชื่อ อนันดาแมทธิว เอเวอร์ริ่งแฮม ซึ่งคุณ แมทธิว เอเวอร์ริ่งแฮม มาอยู่ในกลุ่ม 265 คนแรกที่มาที่ออสเตรเลีย คือสมัยโน้นน่ะมันเป็น convict คือคนที่มีคดีอยู่ที่กฤษ และเนื่องจากคุกที่อังกฤษมันเต็ม เขาก็เลยเอาคนเหล่าเนี่ยย้ายไปอยู่ในที่ต่างๆทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือออสเตรเลีย แล้ว แมทธิว เอเวอร์ริ่งแฮม ก็คือหนึ่งใน 260 กว่าคนแรก ที่ไปอยู่ที่ออสเตรเลียคือใครที่สนใจประวัติของออสเตรเลีย ก็ไปดูประวัติของครอบครัวผมได้เหมือนกันฮะ“
เราอาจจะรู้เรื่องประวัติของครอบครัวมาแล้ว แต่ตอนนี้มันถูกพูดถึงขึ้นมาอีก ในฐานะสายเลือด เรารู้สึกภูมิใจขนาดไหน?
“คือผมไม่รู้เลยว่าเขาเอามาพูดถึงอีกครั้งในเร็วๆ นี้ แต่ว่ามันก็เป็นความภาคภูมิใจอยู่แล้ว อย่างที่ว่าเนี่ยเรื่องราวของพ่อแม่ผม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งใกล้ตัวผม แต่มันก็เป็นอะไรที่ยูนีกมาก ใช่ครับ มันน่าภูมิใจมาก มันน่าภูมิใจที่ได้นึกถึงพ่อแม่ในภาพตอนที่เขาเป็นวัยรุ่น แล้วมีจุดยืนในเรื่องของความรัก แล้วมันเป็นจุดยืนความรักที่เป็นตัวอย่างของความภาคภูมิใจของสังคมในช่วงนั้น เป็นความภาคภูมิใจของประชาธิปไตยในยุคนั้น แล้วพอนึกกลับไปมันก็เป็นความรู้สึกที่ภูมิใจเนอะ พ่อแม่เราก็ไม่ใช่แค่พ่อแม่นะ เขาก็เป็นไอคอนเหมือนกัน“
ตอนนี้อย่างที่ทราบดีว่าทั้ง 2 ท่านไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วแต่เราเองยังได้เจอ และไปเยี่ยมทั้ง 2 บ่อยไหม?
“เจอครับ ก็เจอกันปกติ คุณพ่อผมอยู่ที่หัวหิน คุณแม่อยู่ที่เชียงใหม่ เจออยู่เรื่อยๆ ครับ จริงๆ อ่ะมันเป็น stories ที่ผมเคยฝันไว้ว่า สักวันนึงผมกำกับหนัง อาจจะเป็นเรื่องนี้ครับ“
ขออัพเดตเรื่องงานแต่งว่าความคืบหน้าพอจะเปรยวันได้หรือยัง?
“ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว มันมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมยังแชร์ไม่ได้ แต่ใกล้ ใกล้จะเปิดแล้วว่า detail ของงานจะเป็นยังไง แต่ว่าเป็นปีหน้าแน่นอนครับ“
ความพร้อมของเจ้าบ่าวกี่%แล้ว?
“พร้อม 100% ถึงเวลาแล้วผมว่ามันเกินเวลามาแล้ว(หัวเราะ)”