ตรัง / อดีตนักการเมืองท้องถิ่น ฉุนเลือดขึ้นหน้า ฟันเพื่อนบ้านเลือดอาบ ลอบเข้ามาขโมยปลา ที่เลี้ยงไว้ มีดฟันเลือดอาบ นิ้วเกือบขาด กะโหลกร้าวสมองบวม อ้างแค่ใช้สันมีดทุบ เผยปมแค้นคนเจ็บเข้ามาขโมยปลาและของในสวนกว่า 19 ปีแล้ว ตักเตือนมาตลอดแต่ก็ยังคงกระทำ ลั่นทำไปเพื่อปกป้องทรัพย์สิน ด้านลูกคนเจ็บผวาถูกขู่ฆ่ายกครัว ขณะที่ตำรวจออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุแล้ว
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนนี้ 22 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 20.40 น. ที่ผ่านมา นายเอกพงษ์ อายุ 61 ปี อดีตรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง และอดีตประธานสหกรณ์การเกษตรปะเหลียน จำกัด ก่อเหตุใช้อาวุธมีดพร้าฟัน นางฉะอ้อน อายุ 64 ปี ได้รับบาดเจ็บที่มือด้านซ้ายเกือบขาด และมีบาดแผลบริเวณศีรษะจำนวน 2 แห่ง เหตุเกิดภายในสวนปาล์มน้ำมันของผู้ก่อเหตุ ในพื้นที่ หมู่ 5 ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน ปมเหตุมาจากผู้บาดเจ็บเข้าไปหาปลาและหอยภายในที่ดินของผู้ก่อเหตุ ที่ผู้ก่อเหตุเลี้ยงไว้
ความคืบหน้า วันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าบ้านของผู้บาดเจ็บและสวนปาล์มน้ำมันของผู้ก่อเหตุอยู่ตรงกันข้ามฝั่งถนนกัน โดยมีป้ายระบุไว้จำนวนหลายจุดภายในสวนว่า “ห้ามเข้า-ห้ามจับปลา ฝ่าฝืนเอาผิดตามกฎหมายทันที” ก่อนจะได้พบกับ นายเอกพงษ์ หรือเริญ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ได้นำอาวุธมีดพร้า ที่ใช้ก่อเหตุ ตั้งเก็บไว้ในท้ายรถยนต์เก๋งมาให้ดู ก่อนจะพาผู้สื่อข่าวลงไปดูในจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ่อปลา อยู่หลังขนำไม้ภายในสวน และยังชี้ให้ดูสวิงตักปลาของผู้บาดเจ็บยังตั้งอยู่ภายในสวน
โดยนายเอกพงษ์ เล่าเหตุการณ์ว่า ปกติตนจะไม่ค่อยนอนที่สวน แต่ช่วงหลังมีปลาที่เลี้ยงไว้หายบ่อย ทำให้เมื่อคืนจึงมานอนเฝ้าดูที่ขนำ ทำให้พบว่ามีคนเดินอยู่ซึ่งใช้ไฟฉายคาดอยู่ศีรษะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร จึงได้ถืออาวุธมีดพร้าลงไปดู กลับพบว่าผู้บาดเจ็บยืนอยู่ในบ่อปลาของตน จึงถามไปว่ามาทำอะไร ผู้บาดเจ็บตอบมาว่ามาตกปลา ตนจึงเกิดความโมโห เนื่องจากเป็นปลาที่เลี้ยงในที่ของตัวเอง ไม่ใช่ที่สาธารณะ
จึงมีปากเสียงและเกิดบันดาลโทสะ ใช้สันมีดพร้าที่ถือออยู่ เคาะเข้าไปที่ศีรษะ จำนวน 3 ครั้ง เพื่อตักเตือน แต่ไม่ได้ฟัน ถ้าฟันก็คงตายไปแล้ว ผู้บาดเจ็บก็วิ่งกลับไปบ้าน ส่วนตนก็ได้ขับรถออกกลับบ้านอีกหลังที่พักอยู่ประจำ ในพื้นที่ อ.ย่านตาขาวไป และที่มีการกล่าวหาว่าตนเดินถือมีดตามไปข่มขู่จะฆ่ายกครัวถึงหน้าบ้านผู้บาดเจ็บ ส่วนนี้ไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้ตามไปข่มขู่แบบนั้น รวมทั้งไม่ได้มึนเมาด้วย
นายเอกพงษ์ เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาผู้บาดเจ็บเข้าไปขโมยปลาและหอยที่เลี้ยงไว้ในสวนของตนหลายครั้งมากแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 หากินอยู่ในสวนของตนมาตลอด ตนก็ตักเตือนมาตลอด ว่าห้ามเข้า หากเข้าก็อย่าขโมยปลา และได้ติดป้ายเตือนด้วยซ้ำ ตนรู้มาตลอดว่าปลาหายไปเท่าไร เพราะให้อาหารอยู่ทุกวัน หลังจากเกิดเหตุตนก็ไม่ได้หลบหนี หากตำรวจเรียกไปพบก็ยินดี เนื่องจากที่ก่อเหตุเป็นการดูแลทรัพย์สินของตัวเอง
ในเวลาเดียวกันผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของผู้บาดเจ็บ ซึ่งอยู่ห่างจากบ่อปลาจุดเกิดภายในสวนประมาณ 200 เมตร โดยบุคคลภายในบ้านได้นำไฟฉายคาดศีรษะ หมวกที่มีรอยขาดจากคมมีด และตะข่ายเก็บปลาที่เปื้อนเลือด มาให้ผู้สื่อข่าวดู ก่อนจะพบกับนายวัชรศักดิ์ อายุ 45 ปี ลูกชายผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ขณะนี้แม่ยังอาการสาหัส นิ้วหัวแม่มือซ้ายเกือบขาด และได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะกะโหลกร้าว และสมองบวม ซึ่งแพทย์ได้รักษาและทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน
ก่อนเกิดเหตุยอมรับว่าแม่เข้าไปในสวนของเขาจริง โดยที่ตั้งใจว่าจะไปหาปลาในลำคลองสาธารณะที่อยู่หลังสวนของผู้ก่อเหตุ แต่ตอนเดินผ่านเข้าไปบริเวณหลังขนำ ยังไม่ทันได้ถึงบ่อปลา ได้ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของสวนแล้ว และเจ้าของสวนก็ตอบกลับมาแล้ว เพราะเป็นคนรู้จักบ้านใกล้เรือนเคียงกันมาตั้งแต่อดีต ทันใดนั้นผู้ก่อเหตุซึ่งดักรออยู่แล้วได้ใช้มีดพร้าฟันทันที โดยที่ไม่ได้พูดคุย และแม่ยังไม่ได้ไปหาปลาด้วยซ้ำ แต่เขากลับมากระทำเช่นนี้
นายวัชรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทั้งคู่มีปัญหาระหองระแหงและมีปากเสียงกันมาบ่อยครั้ง ในเรื่องที่แม่เข้าไปในสวน ตอนนี้หวาดกลัวเป็นอย่างมาก กลัวว่าคนในครอบครัวจะได้รับอันตราย เนื่องจากผู้ก่อเหตุชอบดื่มสุรามึนเมาบ่อยครั้ง เพราะเขาได้เดินตามมาข่มขู่ว่าจะฆ่าให้ตายยกครัว
ขณะที่ นายสมพร อายุ 42 ปี เพื่อนบ้านของทั้งคู่ กล่าวว่า ตอนเกิดได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะวิวาท ถึงขึ้นด่าบุพการรีกัน แต่ตนไม่กล้าจะออกมาดู ที่ผ่านมาคู่กรณีทั้งสองมีปัญหากันมาตลอดแล้ว เรื่องที่ผู้บาดเจ็บ ชอบเข้าไปขโมยของในสวนของผู้ก่อเหตุ และตนก็รู้ว่าผู้บาดเจ็บเข้าไปขโมยของบ่อยครั้ง รวมทั้งเคยจะเข้ามาขโมยไม้ในพื้นที่ของตนด้วยครั้งหนึ่ง ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นผู้นำ เคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และอดีตประธานสหกรณ์ฯ
เบื้องต้น ที่ สภ.บ้านหนองเอื้อง ร.ต.อ.พิชิต หนูส่ง รอง สว.(สอบสวน) เจ้าของคดี เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้มีการลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน และได้ทำการออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ไปกับทางผู้ก่อนเหตุ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาแล้ว แต่ยังคงต้องรอสอบผู้บาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้ยังคงให้การไม่ได้ พร้อมทั้งจะทำการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุตามกฏหมายต่อไป และส่วนเรื่องที่มีการบุกรุกก็ต้องว่ากันไปอีกคดีหากเจ้าของสวนมีการเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมต่อไป