นายโดมินิก คัมมิงส์ อดีตที่ปรึกษาของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เผยต่อคณะกรรมการธิการชุดหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรสหราชอาณาจักร เมื่อวันพุธ (26 พ.ค.) ว่านายจอห์นสันไม่เหมาะกับการเป็นนายกรัฐมนตรี
อดีตที่ปรึกษารายนี้อ้างว่านายจอห์นสันตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ดีนักจนถึงขั้นวุ่นวาย หมกมุ่นกับการใช้สื่อมวลชน และมักเปลี่ยนการตัดสินใจฉับพลันโดยใช้คำว่า “คล้ายกับรถเข็นในห้างที่ชนเข้ากับชั้นวางสินค้าฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง”
นายคัมมิงส์ อธิบายว่า เมื่อเดือน ม.ค. และ ก.พ. 2563 ที่มีข่าวว่ามีโรคระบาดจากเมืองอู่ฮั่นของจีน รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐระดับอาวุโสหลายคนกลายเป็นเหยื่อของการไม่กล้าตัดสินใจเพียงเพราะอยากได้ฉันทามติร่วมกัน ส่วนนายกรัฐมนตรีก็มักบอกว่าโรคโควิด-19 ไม่ได้ร้ายแรง และคล้ายกับโรคไข้หวัดหมู และเป็นแค่เรื่องที่ทุกคนตื่นกลัวกันไปเอง
“แน่นอน เจ้าหน้าที่บ้านพักนายกฯ รู้ว่าถ้าเรียกประชุมฉุกเฉินแล้วนายกฯ นั่วหัวโต๊ะ เขาจะพูดแน่ว่า ‘ไม่ต้องกลัว ผมจะให้คริส วิตตี้ (หัวหน้าบุคลากรแพทย์อังกฤษ) เอาไวรัสโคโรนามาฉีดเข้าตัวผมออกทีวีสดๆ ไปเลย ทุกคนจะได้ไม่ไดต้องกลัว’ ซึ่งมันไม่ได้ช่วยวางแผนอะไรจริงๆ จังๆ ได้เลย” นายคัมมิงส์ กล่าว
นายคัมมิงส์ บอกอีกว่า หลังจากนั้นมาจนถึงกลางเดือน มี.ค. 2563 นายจอห์นสันมีแผนการเดียวว่าจะปล่อยให้ประชาชนติดไวรัสให้หมด ด้วยความหวังว่าจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แต่ไม่ควบคุมให้ผู้ติดเชื้อมีจำนวนเกินความสามารถที่ระบบสาธารณสุขจะรองรับไหว
อดีตที่ปรึกษารายนี้ เผยว่าแม้ตนพยายามกดดันให้นายจอห์นสันเปลี่ยนวิธีการรับมือ แต่นายจอห์นสันกลับไม่ค่อยสนใจ แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การรวมปฏิบัติการทางทหารกับสหรัฐในตะวันออกกลาง
ไม่ใช่แค่นั้น ความโกลาหลที่เกิดขึ้นยังทำให้ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นางเฮเลน แมคแนมะรา ตัดสินใจเข้าไปที่บ้านพักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มี.ค. ปีเดียวกัน และพูดว่า
“ฉันถ่อมาถึงนี่เพื่อจะบอกทุกคนว่า ฉันคิดว่าเราพังเละเทะ ฉันว่าประเทศนี้กำลังมุ่งไปสู่หายนะ เรากำลังจะทำให้คนเป็นพันเป็นหมื่นต้องตาย”
“เราไม่ได้วางแผนจะฝังศพเลยด้วยซ้ำ”
นายคัมมิงส์เผยต่อคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวของสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนกล่าวกับนายจอห์นสันว่า “สถานการณ์ทั้งหมดตอนนี้มันโกลาหล ตึกนี้ก็โกลาหล คุณรู้ดีว่าผมจัดตั้งทีมแล้วก็จัดการได้ แต่คุณกลัวผมว่าจะมีอำนาจมาหยุดความโกลาหลนี้ มากกว่าที่คุณกลัวความโกลาหลเสียอีก”
นายคัมมิงส์ บอกว่าหลังจากนั้น นายจอห์นสันก็ตอบตนมาพร้อมกับหัวเราะว่า “ดีซะอีกที่โกลาหล เพราะแปลว่าทุกคนจะต้องจ้องมาที่ผมแล้วก็จะเห็นว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจสั่งการ”