สังคมในยุคโซเชียลมีเดียกับการติดต่อกันผ่านช่องทางออนไลน์ที่เชื่อมถึงกันอย่างไม่รู้จบ และด้วยการเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์นับทศวรรษโดยประมาณ สังคมโซเชียลมีเดียจึงกลายเป็นมากกว่าส่วนเสริมเล็กๆน้อยๆในชีวิต
ทุกสิ่งทุกอย่างเราสามารถค้นหาได้ง่ายเพียงไม่กี่คลิกบนหน้าจอ หลากหลายอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่เพราะการมาของโซเชียล ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตยังคงอยู่บนอินเทอร์เน็ตเพียงแต่ไม่ปรากฏให้เห็นเพราะการทับถมของข้อมูลมหาศาล
เราจะเห็นได้ว่า ตอนนี้หลายๆแอปฯมีฟังก์ชันในการย้อนอดีต การย้อนอดีตในที่นี้ไม่ใช่การเดินทางข้ามเวลากลับไปในตอนนั้น แต่เป็นการขุดคุ้ยดูได้ว่าในวันนี้เมื่อปีนั้นเราทำอะไรลงไปบ้าง
และแน่นอน มนุษย์คนหนึ่งที่ชีวิตต้องพบการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครที่จะเหมือนเดิมได้ตลอด เจ้าฟังก์ชันย้อนวันวานอย่าง Timehop, On This Day จึงเป็นเครื่องมือที่พาเราย้อนกลับไปมองเห็นตัวเราในอดีตที่หลายๆคนเลือกใช้ หลายความทรงจำเป็นเรื่องพึงระลึกเห็นแล้วต้องเอากลับมาแชร์ใหม่ซ้ำๆทุกปี แต่เช่นกัน มีหลายเรื่องที่ใครเห็นก็ต้องอยาก ลบ! โมเมนต์ต่างๆ เหล่านั้นทิ้งเพราะอับอายตัวเอง
มีอะไรบ้างที่คนส่วนใหญ่เห็นและเลือกที่จะลบให้เหี้ยนจากโซเชียล?
อกหักพร่ำเพ้อ
ทุกคนอาจเคยผ่านเหตุการณ์ชอกช้ำในชีวิตกันมาไม่มากก็น้อย และความอัดอั้นตันใจหรือคับแค้นใจมักจะถูกระบายผ่านโซเชียลฯ อาทิ การตั้งสเตตัสพร่ำเพ้อ “เขาไม่รักเราแล้ว”, “คืนนี้อกหัก อยากเมา” หรือ การลงภาพต่างๆ และตั้งแคปชันเชิงรักคุด เห็นแล้วก็เขินตัวเองว่าตอนนั้นเพ้อได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
รูปคู่กับคนที่เกลียด, แฟนเก่า
ชีวิตเราต่างพบเจอคนหลากหลายรูปแบบ และอาจมีคนที่เข้ามาสนิทด้วยในเวลาสั้นๆ แต่วันหนึ่งคุณและเขามีเรื่องบาดหมางกัน จบลงด้วยการเลิกคบกันแบบไม่เผาผี วันเวลาผ่านไปความเกลียดในใจยังคงอยู่และเมื่อเปิดเห็นรูปคู่หรือแชตที่เคยคุยกัน เป็นต้องลบทิ้งในทันทีทันใด
สเตตัสบ่นรุนแรง
คล้ายกับเรื่องอกหัก แต่อันนี้เป็นความปากร้าย ด่าสาดเสียเทเสียทุกอย่างเหมือนเกิดมาเพื่อโกรธโลก อะไรไม่ได้ดั่งใจนิดหน่อยก็พิมพ์เป็นสเตตัสหยาบคาย แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องต่างๆเป็นเชิงลบ เห็นแล้วได้แต่คิดว่าแค่ลบทิ้งคงไม่พอ อยากจะ Unfriend ตัวเองทิ้งไปด้วย
รูปภาพทรงผม, การแต่งตัวในอดีต
แน่นอนว่าแฟชั่นเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดทิศทางของสังคม และเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว มาในตอนนี้อะไรที่เคยโชติช่วงในอดีตอาจกลายเป็นสิ่งที่เชยอย่างที่สุด และเมื่อคุณเปิดดูรูปในอดีต เห็นภาพตัวเองวัยกระเตาะทำปากจู๋ชูสองนิ้ว, ผมซอย ก็อายจนแทบจะปิดหนี
สเตตัสตั้งเป้าหมาย
ทุกๆคนต่างก็ต้องตั้งความคาดหวังเอาไว้เพื่อเป็นเป้าหมายให้ชีวิตดำเนินไป การตั้งเป้าหมายต่างๆ ส่วนหนึ่งคือการประกาศผ่านสเตตัส เช่น ปีใหม่แล้วจะลดความอ้วน, จะงดแอลกอฮอลล์, จะเก็บเงิน แต่เมื่อมาดูอีกที เป้าหมายเหล่านั้นยังไม่ได้ริเริ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย หรือเริ่มไม่ทันไรก็ถูกลืมไม่ทำต่อแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่เราได้มีโอกาสเห็นความรู้สึกนึกคิดเห็นภาพตัวเองในอดีตก็เป็นส่วนดีที่ช่วยในการตระหนักว่าเราเคยผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้างในชีวิต และเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เราจะรู้ว่าการตัดสินใจกระทำบางอย่างนั้นผลที่ได้มันดีหรือไม่