อดีตครูวิทยาศาสตร์ วัยเพียง 31 ปี กลายเป็นศพหน้าบ้าน คาดพลัดตกจากดาดฟ้าชั้น 3 พ่อเผยเชื่อเรื่องลัทธิบูชาพระเจ้า ชอบนั่งสมาธิแล้วทำตัวแข็ง
(5 ก.ย.64) ร้อยตำรวจเอก อธิคม แสวงจิตต์ รอง สว.สอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตจากการพลัดตกจากที่สูง ภายในซอยประชาอุทิศ ซอย 9 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมทั้งอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย อยู่บริเวณหน้าบ้าน4 ซอย ประชาอุทิศซอย9 แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะอาคารพาณิชย์ปลูกติดกัน 2 คูหา มีความสูง 3 ชั้น และมีดาดฟ้าเปิดโล่ง อยู่ในรั้วเดียวกัน ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาชื่อ นายมนวีร์ อายุ 31 ปี อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้า มีสารคัดหลั่งออกที่บริเวณหู จมูก ปาก เป็นจำนวนมาก เบ้าตาข้างซ้ายบวมปูดเขียวช้ำ ฟันหัก ที่บริเวณศีรษะ บาดแผลแตก และที่เท้ามีบาดแผลถลอก ลักษณะการแต่งกายสวมใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาวสีกรมท่า ไม่สวมรองเท้า
จากการสอบถาม นายวีรศักดิ์ อายุ 63 ปี เป็นพ่อของผู้เสียชีวิต บอกเล่า ผู้เสียชีวิตมีประวัติการรักษาทางจิตเวช ที่โรงพยาบาลบ้านสมเด็จ กินยาได้แค่เดือนเดียว เรียนจบสาขาวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ จบมาสอนได้แค่ไม่นานก็ออกมา แล้วเหมือนกับว่า เค้าไปนับถือลัทธิพระเจ้า ที่นั่งสมาธิแล้วจะทำตัวแข็งๆ นิ่งๆ แล้วมีหายออกจากบ้านไป แล้วมีคนไปเจออยู่ซอยประชาอุทิศ 63 พามาส่ง
ล่าสุดเมื่อคืนตอนเที่ยงคืนก็หายออกไป วันนี้ประมาณบ่ายโมง ทาง สน.โทรแจ้งมาว่าพบอยู่ตรงป้อมจราจร สามแยกราษฎร์บูรณะ ให้มารับตัวกลับบ้าน ตนก็ออกไปรับนั่งแท็กซี่กลับมาบ้านบอกให้กินข้าวแล้วขึ้นไปนอนพักผ่อนบนห้องที่ชั้น 3 เป็นห้องของเค้าเอง จนถึงตอนเกิดเหตุ ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง ก็ได้ยินเสียงดังที่หน้าบ้าน ตนจึงเดินออกมาดู พบเป็นสภาพแบบนี้เลย ตนก็รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที จนมีกู้ภัยและตำรวจมาที่เกิดเหตุ
ส่วนทางด้าน นายประพัฒน์ อายุ 47 ปี เพื่อนข้างบ้าน บอกเล่าว่า ตนทำธุระอยู่ในบ้าน ก็ได้ยินเสียงดัง น่าจะกระแทกกับกันสาด ตอนแรกคิดว่ารถชน ก็ออกมาเดินดูเห็นสภาพแบบนี้แล้ว ปกติผ่านไปมาก็จะยิ้มทักทายกันปกติ เหมืิอนเพื่อนบ้านทั่วไป
เบื้องต้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่แล้วคาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเกิดอาการของระบบประสาท ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของผู้เสียชีวิตอยู่ก่อนแล้ว เกิดกำเริบขึ้นมาจึงทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดควบคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วได้เดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของตัวอาคารดังกล่าวแล้วก็เกิดพลัดตกลงมาอยู่ตรงบริเวณพื้นหน้าบ้านของตนเอง ส่วนเบื้องต้นจากการสอบถามจากทางพ่อของผู้เสียชีวิตอย่างละเอียดแล้วก็ไม่พบข้อสงสัยใดๆ และจากการตรวจสอบบริเวณภายในห้องนอนของผู้เสียชีวิตบริเวณชั้นที่ 3 ของตัวบ้านไม่พบร่องรอยของการรื้อค้นและต่อสู้แต่อย่างใด จึงเชื่อว่าผู้เสียชีวิตน่าจะควบคุมตนเองไม่อยู่จึงเป็นเหตุดังกล่าว และทางพ่อของผู้เสียชีวิตไม่ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้ จึงลงความเห็นพร้อมกับแพทย์นิติเวช ให้มอบร่างของผู้เสียชีวิตให้ญาติรับดำเนินการนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป