อดีตกิ๊กสาว ร้อง ถูกเสี่ยเต็นท์รถ ฟ้องเรียกค่าเปย์คืน15ล้าน-แม่ติดคุก5ปี หลังเมียจับได้

Home » อดีตกิ๊กสาว ร้อง ถูกเสี่ยเต็นท์รถ ฟ้องเรียกค่าเปย์คืน15ล้าน-แม่ติดคุก5ปี หลังเมียจับได้


อดีตกิ๊กสาว ร้อง ถูกเสี่ยเต็นท์รถ ฟ้องเรียกค่าเปย์คืน15ล้าน-แม่ติดคุก5ปี หลังเมียจับได้

อดีตกิ๊กสาว ร้อง ถูกเสี่ยเต็นท์รถ ฟ้องเรียกค่าเปย์คืน15ล้าน-แม่ติดคุก5ปี หลังเมียจับได้ ยันฝ่ายชายให้ด้วยความ เสน่ห์หาครั้งละ 30,000- 50,000

วันที่ 13 พ.ย.2564 ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรอง น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือและขอความเป็นธรรม หลังจากที่ถูกหนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจชื่อดังในพื้นที่ ฟ้องร้องกล่าวหาฉ้อโกงโดยเรียกเงินถึง 15 ล้านบาท ทั้งยังฟ้องเอาผิด แม่ซึ่งป่วยจิตเวช น้องชาย และน้องสาวที่ยังเป็นเยาวชนอีก 3 คน โดยกล่าวหาว่าร่วมกันฉ้อโกง ทั้งที่แม่และน้องทั้งสองคนไม่ได้รู้เรื่องที่ตนแอบคบหาหรือเป็นกิ๊กกับหนุ่มใหญ่คนดังกล่าว

โดยน.ส.เอ (นามสมมติ) ยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกงเพราะได้คบหาเป็นกิ๊กมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งฝ่ายชายได้ส่งเสียเลี้ยงดูด้วยความเสน่ห์หาไม่ได้มีการหลอกลวง แต่พอภรรยาของหนุ่มใหญ่ยจับได้ว่าแอบคบหาและมีสัมพันธ์กับตนเอง หนุ่มใหญ่รายนี้กลับให้โกหกภรรยาว่าแค่รู้จักกัน ส่วนเงินที่โอนให้ใช้ก็แค่ขอยืม ด้วยความที่ไว้ใจจึงพูดไปตามบอกทุกอย่าง แต่สุดท้ายกลับฟ้องร้องกล่าวหาว่าตนเองฉ้อโกง แถมยังฟ้องเอาผิดแม่ที่ป่วยจิตเวช น้องชายและน้องสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

น.ส.เอ เล่าว่า ตนรู้จักกับหนุ่มใหญ่คนดังกล่าวเมื่อปี 2557 เพราะไปซื้อรถเก๋งกับเต็นท์ของเขา เพื่อมาไว้ใช้งาน แต่พอซื้อมารถก็เริ่มมีปัญหา ทำให้ตนต้องติดต่อกับหนุ่มเจ้าของเต็นท์บ่อยครั้ง จนเกิดความสนิทสนมและมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน จากนั้นก็แอบคบหาและมีสัมพันธ์กันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2557 กระทั่งปี 2559 ภรรยาเขาจับได้ว่ามาแอบมีกิ๊กหรือมีสัมพันธ์กับตนเอง

จากนั้นเขาก็ติดต่อมาหาตนแล้วบอกกับตนเองว่าถ้าภรรยา ถามเรื่องเงินที่โอนให้ก็ให้บอกว่าเป็นเงินที่ยืม ทั้งยังบอกให้ตนเองไปมีครอบครัวได้เขาไม่ว่าอะไร หลังถูกภรรยาจับได้ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับเขา และตนเองก็ไปมีครอบครัวมีลูกกับผู้ชายคนอื่น แต่จู่ๆ ปี 2559 ก็ได้รับหมายศาลส่งไปที่บ้านพอเปิดอ่านก็แทบช็อก เพราะถูกเขาฟ้องกล่าวหาว่าตนเอง รวมถึงแม่ที่ป่วยเป็นจิตเวชมาตั้งแต่ปี 2553 ก่อนที่ตนจะคบหากับเขาด้วยซ้ำ

รวมถึงน้องชายคนกลาง และน้องสาวคนเล็กซึ่งตอนนั้นอายุ 16 ปียังเป็นเยาวชนก็ถูกฟ้องเอาผิดฐานฉ้อโกงด้วยเช่นกัน ทั้งที่แม่ และน้องทั้งสองคนไม่ได้รู้เรื่องที่ตนคบหากันกับเขาเลย โดยเขาได้ฟ้องเรียกเงินที่เคยส่งเสียเลี้ยงดูตนเองคืน 15 ล้านบาท ต่อมาเขาได้ถอนฟ้องน้องชาย จึงเหลือตนง แม่ และน้องสาวคนเล็กซึ่งศาลชั้นต้นได้สั่งจำคุก 9 ปี ตนจึงนำเงินที่มีอยู่ไปขอยื่นประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี

กระทั่งล่าสุดศาลฎีกาได้ตัดสินจำคุกแม่ 5 ปี ตอนนี้แม่ถูกส่งเข้าเรือนจำไปแล้ว ส่วนตนเองและน้องสาวอยู่ระหว่างรอศาลตัดสิน ซึ่งตนก็พยายามโทรศัพท์ไปพูดคุยขอความเห็นใจกับเขา ซึ่งเขาก็บอกว่าถ้าจะให้ถอนฟ้องต้องจ่ายเงินคืนมา 8 ล้านบาท ซึ่งตนก็รับปากจะทยอยหาเงินมาคืนให้เพราะไม่อยากให้แม่กับน้องต้องมาเดือดร้อนด้วย แต่ช่วงที่ฟ้องร้องกันอยู่เขาก็ยังติดต่อมาหาตนก็คบหามีสัมพันธ์กันอีกรอบ และเขาก็ยังให้เงินใช้เหมือนเดิมอีก

ตนจึงเก็บเงินดังกล่าวโอนคืนให้เสี่ยเรื่อยๆ ตามที่เขาบอกไว้ หากจ่ายคืน 8 ล้านจะถอนฟ้องให้ ซึ่งตอนนี้ตนก็โอนคืนไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท แต่พอแม่ถูกศาลสั่งจำคุกและส่งตัวเข้าเรือนจำไปแล้ว ตนก็เริ่มไม่มั่นใจว่าถ้าตนทยอยจ่ายเงินคืนเสี่ยครบ 8 ล้านแล้ว เขาจะถอนฟ้องตามที่รับปากไว้หรือไม่ จึงตัดสินใจออกมาร้องขอความเป็นธรรมอยากวิงวอนให้ผู้รู้กฎหมาย หรือหน่วยงานรัฐช่วยเหลือด้วย เพราะตอนนี้สงสารแม่มากที่ป่วยเป็นจิตเวชมีหลักฐานการรักษาที่ รพ.แต่กลับถูกจับติดคุก

ทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่อง และสงสารน้องสาวที่ไม่รู้ว่าศาลจะสั่งจำคุกกี่ปี เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกงหรือหลอกลวง แต่เป็นเงินที่เขาให้ตนด้วยความเสน่ห์หาครั้งละ 30,000 บ้าง 50,000 บ้าง ไม่ได้ให้เป็นก้อน บางครั้งก็ให้เป็นไปค่ารักษามดลูกที่มีสัมพันธ์กันแบบรุนแรง แต่หากจะเอาผิดจริงๆ ก็ขอให้เอาผิดกับตนเองคนเดียว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ