หุ้นไอทีจีนดิ่ง สหรัฐฯคว่ำส่งออกเซมิคอนดักเตอร์สกัดผงาดผู้นำไอทีโลก

Home » หุ้นไอทีจีนดิ่ง สหรัฐฯคว่ำส่งออกเซมิคอนดักเตอร์สกัดผงาดผู้นำไอทีโลก


หุ้นไอทีจีนดิ่ง สหรัฐฯคว่ำส่งออกเซมิคอนดักเตอร์สกัดผงาดผู้นำไอทีโลก

หุ้นไอทีจีนดิ่ง สหรัฐฯคว่ำส่งออกเซมิคอนดักเตอร์สกัดผงาดผู้นำไอทีโลก

หุ้นไอทีจีนดิ่ง – วันที่ 10 ต.ค. รอยเตอร์รายงานว่า หุ้นของบรรดาเอกชนยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิพและเอกชนใหญ่อย่างอาลีบาบาและเทนเซ็นต์ในจีนปรับตัวลดลงอย่างหนัก หลังทางการสหรัฐอเมริกาออกมาตรการห้ามส่งออกเพื่อสกัดกั้นการพัฒนาขีดความสามารถด้านไอทีของจีน

มาตรการดังกล่าวเพิ่งมีการประกาศออกมาจากทางการสหรัฐฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้การพัฒนาขีดความสามารถด้านไอทีและแสนยานุภาพของกองทัพจีนช้าลงผ่านการตัดขาดจีนออกจากเซมิคอนดักเตอร์ตั้งต้นที่ผลิตขึ้นจากเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จำเป็นต่อการนำไปผลิตชิพ

มาตรการล่าสุดของทางการสหรัฐฯนั้นบางข้อมีผลทันทีและนับเป็นการหักเหนโยบายครั้งใหญ่ที่สุดด้านการส่งออกต่อจีนตั้งแต่ปี 2533 ของรัฐบาลสหรัฐฯ

ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า มาตรการระงับการส่งออกด้านไอทีของสหรัฐฯที่มีต่อจีนนั้นจะส่งผลสะเทือนเป็นวงกว้างและทำให้ความพยายามของจีนที่จะพัฒนาชิพขึ้นใช้เองในประเทศช้าลง รวมถึงการธุรกิจไฮเทค ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ ดาต้าเซ็นเตอร์ ไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์

ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯเกิดขึ้นในช่วงที่อุตสาหกรรมผู้ผลิตชิพทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะกำไรลดลงเนื่องมาจากความต้องการซื้อคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ลดลงหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019

มาตรการใหม่จากทางการสหรัฐฯกำหนดให้เอกชนสัญชาติอเมริกันต้องยุติการส่งอุปกรณ์และวัตถุตั้งต้นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิพที่มีขีดความสามารถสูงให้จีนทันที เช่น ชิพโลจิกที่มีสถาปัตยกรรมการผลิตต่ำกว่า 16 นาโนเมตร (nm) ชิพ DRAM ที่มีที่มีสถาปัตยกรรมการผลิตต่ำกว่า 8 nm ชิพ NAND ที่มีเลเยอร์มากกว่า 28 ชั้นขึ้นไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากสหรัฐฯ

การประกาศข้างต้นส่งผลทันทีต่อเอกชนผู้ผลิตชิพรายใหญ่ในจีน อาทิ บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟ็กเจอริง อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ป (SMIC) บริษัทหัว หง เซมิคอนดักเตอร์ จำกัด และเอกชนที่รัฐบาลจีนสนับสนุนอย่าง แยงซี เมโมรี เทคโนโลยี(YMTC) และฉางซิน เมโมรี เทคโนโลยี (CXMT)

นายแดนนี ฮิวสัน นักวิเคราะห์จากเอเจ เบลล์ กล่าวว่า มาตรการนี้จะมีผลสะเทือนและสกัดกั้นการเติบโตต่ออุตสาหกรรมผลิตชิพของจีน รวมถึงทำให้นวัตกรรมทั้งในโลกตะวันออกและตะวันตกลดจำนวนลงด้วย

รายงานระบุว่า แม้อุตสาหกรรมผลิตชิพของจีนจะมีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกน้อยจนเทียบไม่ได้กับผู้ครองตลาดอันดับหนึ่งของโลกอย่างบริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟ็กเจอริง คอมปานี (TSMC) ของไต้หวัน แต่มีสัดส่วนตลาดภายในประเทศจีนสูงถึงร้อยละ 70

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ต่างมองว่า YMTC และ CXMT มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ผลิตชิพคู่แข่งใหม่กระทบไหล่รายใหญ่อย่าง ซัมซุง อิเลคทรอนิกส์ จากเกาหลีใต้ และไมครอน เทคโนโลยี จากสหรัฐฯ

นายกู๋ เหวินจุน นักวิเคราะห์จาก ไอซีไวส์ ที่นครเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า การพัฒนาชิพหน่วยความจำจะถูกจำกัดในจีนเพราะไม่สามารถนำเข้าเครื่องมือรุ่นใหม่ได้ ไม่สามารถขยายการผลิตได้ และจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดไปในที่สุด

นอกจากนี้ การสกัดกั้นไม่ให้จีนนำเข้าชิพตั้งต้นที่มีความก้าวหน้าสูงจะยิ่งทำให้จีนประสบปัญหาการผลิตชิพทั่วไปมากขึ้นอีก

นายสจ๊วต แรนดัล จากบริษัทที่ปรึกษา อินทราลิงค์ นครเซี่ยงไฮ้ มองว่า ยกตัวอย่างชิพ NAND ที่ใช้ผลิตหน่วยเก็บข้อมูลแบบ SSD แบบ 128 เลเยอร์ สามารถนำมาผลิต NAND ที่มีเลเยอร์ต่ำกว่าได้ แต่ต่อไปนั้นจีนไม่สามารถนำเข้าชิพ NAND ที่มีเลเยอร์มากกว่า 28 ชั้นขึ้นไปได้อีก

นายเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า มาตรการสกัดกั้นการส่งออกล่าสุดถือเป็นการใช้ระบบการค้าที่ไม่ถูกต้อง มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อรักษาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯเอาไว้เท่านั้น

มาตรการสกัดการส่งออกของสหรัฐฯยังส่งผลกระทบต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีของสหรัฐฯเองด้วยโดยเฉพาะ nVidia ผู้พัฒนาชิพประมวลผลกราฟฟิกชื่อก้องโลก และ AMD จากไต้หวัน หนึ่งในผู้ส่งออกชิพให้กับจีนรายใหญ่ที่สุด

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ผลกระทบที่ nVidia ได้รับนั้นน่ากังวลเนื่องจากเกิดขึ้นช่วงที่ nVidia กำลังเผชิญกับภาวะสินค้าล้นตลาด ความต้องการการ์ดจอและคอนโซลเล่นเกมที่ลดลง

การสกัดการส่งออกล่าสุดของสหรัฐฯจะส่งผลกระทบไปถึงอุตสาหกรรมการพัฒนาซูปเปอร์คอมพิวเตอร์และแสนยานุภาพนิวเคลียร์รวมถึงกองทัพจีน ตลอดจนธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ เช่น อาลีบาบา ที่หุ้นปรับตัวลดลงร้อยละ 3.3 และเทนเซ็นต์ร้อยละ 2.5

ขณะที่หุ้นของเอกชนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนปรับตัวลดลงถ้วนหน้า อาทิ China Semiconductor Industry Association (CSIH) ลดลงเกือบร้อยละ 7 STAR Market ร้อยละ 4.5 SMIC ร้อยละ 4 NAURA Technology Group ร้อยละ 10 และหัว หง ร้อยละ 9.5

เช่นเดียวกันกับเอกชนด้านเอไอ อาทิ SenseTime และ Dahua Technology ลดลงร้อยละ 5.7 และ 10 ตามลำดับ เป็นต้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ