หวิดดับ รองประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ถูกชายชักปืนจ่อหน้าในระยะประชิด
วันที่ 2 ก.ย. บีบีซี รายงานว่า นางกริสตินา เฟร์นันเดซ เด กีร์ชเนร์ รองประธานาธิบดีอาร์เจนตินา รอดจากการลอบสังหารอย่างหวุดหวิด หลังผู้ก่อเหตุถืออาวุธปืนจ่อหน้านางกีร์ชเนร์ ขณะที่นางกีร์ชเนร์พบปะกลุ่มผู้สนับสนุนด้านนอกบ้านพักในกรุงบัวโนสไอเรส เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 1 ก.ย. หลังเดินทางกลับจากศาลในการต่อสู้ข้อกล่าวหาทุจริต
สื่อท้องถิ่นระบุว่า มือปืนเป็นชายบราซิล วัย 35 ปี ตำรวจควบคุมตัวมือปืนในจุดเกิดเหตุ และพบอาวุธปืนห่างออกไปหลายเมตร ขณะนี้พยายามหาแรงจูงใจในการลอบสังหารนางกีร์ชเนร์
วิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เผยปืนโผล่ออกมาจากฝูงชน ขณะที่นางกีร์ชเนร์เข้าใกล้ ตอนแรกดูจะสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นและก้มลงไปเก็บวัตถุที่หล่นบนพื้น ส่วนอีกวิดีโอเผยประชาชนในฝูงชนพยายามเข้าไปกั้นนางกีร์ชเนร์ออกจากมือปืนซึ่งเข้ามาหาเธอในระยะประชิด นางกีร์ชเนร์จึงก้มตัวเพื่อหลบเลี่ยงอาวุธปืนและใช้มือปิดหูทั้งสองข้างขณะหมอบ
ด้านประธานาธิบดีอัลเบร์โต เฟร์นันเดซ ผู้นำอาร์เจนตินา เปิดเผยว่า แถลงทางโทรทัศน์เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 1 ก.ย. ว่า นางกีร์ชเนร์ยังมีชีวิต เนื่องจากปืนที่มีกระสุน 5 ลูกยิงไม่ออก แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันทางเทคนิคว่าสาเหตุเกิดจากอะไร พร้อมประณามมือปืน และกล่าวว่าความพยายามสังหารนางกีร์ชเนร์เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดตั้งแต่อาร์เจนตินากลับสู่ประชาธิปไตยเมื่อปี 2524
“เราอาจไม่เห็นด้วย เราอาจมีความขัดแย้งมานาน แต่คำพูดแสดงความเกลียดชังไม่สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากจะก่อความรุนแรง และไม่มีโอกาสให้ความรุนแรงอยู่ร่วมกับระบอบประชาธิปไตย” ประธานาธิบดีเฟร์นันเดซกล่าว โดยประกาศให้วันศุกร์ที่ 2 ก.ย. เป็นวันหยุดทั่วประเทศ เพื่อให้เวลาชาวอาร์เจนตินาแสดงออกในการปกป้องชีวิต ประชาธิปไตย และความเป็นหนึ่งเดียวกับรองประธานาธิบดีกีร์ชเนร์
ขณะที่นายเซอร์จิโอ มัสซา รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา เรียกความพยายามยิงปืนใส่นางกีร์ชเนร์เป็น “ความพยายามลอบสังหาร” และโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า “เมื่อความเกลียดชังและความรุนแรงอยู่เหนือการโต้เถียง สังคมจะถูกทำลาย และเหตุการณ์เช่นนี้จะเพิ่มขึ้น นั่นคือความพยายามลอบสังหาร”
ทั้งนี้ นางกีร์ชเนร์ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงรัฐและมอบสัญญาจ้างของรัฐย่างฉ้อฉลในฐานที่มั่นของเธอในเมืองพาตาโกเนีย ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 2550 ถึง 2558 หากถูกตัดสินว่ามีความผิด จะต้องได้รับโทษจำคุก 12 ปี และห้ามเล่นการเมืองตลอดชีวิต ตามคำของของอัยการต่อศาล
อย่างไรก็ตาม นางกีร์ชเนร์ รองประธานาธิบดีอาร์เจนตินา เป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง จึงได้รับความคุ้มครองจากรัฐสภา จึงจะไม่ถูกจำคุก เว้นแต่ศาลสูงสุดจะอนุมัติการตัดสินโทษ หรือนางกีร์ชเนร์พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งต่อไปในปลายปี 2566