ความคืบหน้ากับโรคระบาดที่เกิดขึ้น ณ ประเทศจีนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน หลังจากที่มีรายงานว่าเกิดอาการป่วยลึกลับ คล้าย “โรคปอดบวม” ที่ทำให้โรงพยาบาลในจีนเต็มไปด้วยเด็กป่วย ซึ่งในครั้งนั้นมีการออกการแจ้งเตือนผ่าน ProMed ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเฝ้าระวังขนาดใหญ่ที่ติดตามการระบาดของโรค โดยเตือนถึงการแพร่ระบาดของ โรคปอดบวมที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย ในเด็ก
จากนั้น เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ทางการจีน ก็ได้ออกมายืนยันถึงโรคระบาดดังกล่าวว่า โรคปอดอักเสบดังกล่าว ไม่ใช่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NHC หรือ โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ก็ได้ออกมายืนยันร่วมด้วยว่า โรคระบาดครั้งนี้เกิดจากการทับซ้อนกันของไวรัสทั่วไป เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไรโนไวรัส ไวรัส RSV และอะดีโนไวรัส รวมไปถึงแบคทีเรีย เช่น เชื้อไมโคพลาสมา
ส่วนทางด้าน WHO องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อมูลน้อยเกินไปที่จะประเมินความเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจในเด็กเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม
เริ่มระบาดในโซนยุโรปด้วยอาการเดียวกัน
ล่าสุด (1 ธันวาคม 2566) สำนักข่าวต่างประเทศ อย่าง san.com ก็ได้ออกมารายงานอีกครั้งเกี่ยวกับโรคระบาด ปอดอักเสบ หรือ ปอดบวมในเด็ก ว่า
จำนวนผู้ป่วยโรคปอดบวมในเด็กที่เพิ่มขึ้นอย่างลึกลับในจีนทำให้โรงพยาบาลในจีนล้นหลามไปด้วยผู้ป่วย และกระตุ้นให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดการระบาดใหญ่อีกครั้ง ซึ่งในขณะนี้เหมือนจะแพร่กระจายไปทั่วยุโรป เช่นกัน
ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขโลกกำลังจับตาสถานการณ์ในจีน แต่เร็วๆนี้ผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นและพุ่งสูงขึ้นในที่อื่นๆ ทั่วโลก อาทิ เดนมาร์ก สวีเดน และเนเธอร์แลนด์ต่างได้รับผลกระทบจากการระบาดในลักษณะเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเดนมาร์กกล่าวว่าการระบาดถึง “ระดับโรคระบาดแล้ว”
ในประเทศจีน มีการเผยแพร่วิดีโอและรูปภาพใหม่ๆ ของคนงานในชุดป้องกันวัตถุอันตรายเต็มรูปแบบ โดยฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วโรงเรียน ถนน และในพื้นที่สาธารณะอื่นๆ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับมาตรการรับมือต่อโรคโควิด-19 ของจีน แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคมด้วย รวมถึงการล็อกดาวน์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนตำหนิสำหรับกรณีโรคปอดอักเสบชนิดใหม่ในตอนแรก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในจีนและยุโรปกล่าวว่าการไม่สัมผัสกับโรคระบบทางเดินหายใจในช่วงล็อกดาวน์ยุคโควิดครั้งก่อน อาจทำให้เด็กๆ เสี่ยงต่อภัยคุกคามเช่นนี้มากขึ้น
องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าผู้ป่วยโรคปอดบวมเหล่านี้ไม่เหมือนกับเชื้อโรคใหม่ใดๆ แม้ว่าจะยังคงกดดันจีนให้ขอข้อมูลเพิ่มเติมก็ตาม เจ้าหน้าที่จีนถือว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการฟื้นตัวหลังมาตรการล็อกดาวน์ และไม่แยแสข้อกังวลว่านี่จะเป็นไวรัสชนิดใหม่โดยสิ้นเชิง
ที่มา : san.com