หลานชายควงปืน .38 ยิงน้าชายดับคาที่ สุดแค้นเป็นชู้กับเมีย พาหนี-ทิ้งลูก 2 คน ไปเกือบปี ก่อนพากลับมาหมู่บ้านทั้งที่ญาติๆ ห้ามแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (15 ก.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท้ายเหมือง ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต ภายในสวนยางพารา หลังบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.ลำภี อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ที่เกิดเหตุพบศพ นายบุญเลิศ อายุ 37 ปี นอนคว่ำหน้า จมกองเลือด ใส่เสื้อยืดสีเขียวขี้ม้า คาดผ้าขาวม้าสีแดง-ดำ ใส่กางเกงวอล์มสีน้ำเงินเข้ม ถูกยิงที่ขมับด้านซ้าย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

จากการสอบถาม นายธรรมนูญ อายุ 53 พี่ชายผู้ตาย ผู้เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า ขณะตนเองนั่งกินข้าวในขนำที่เกิดเหตุ นายวาทิธ อายุ 37 ปี หลานของตนเอง เปิดประตูขนำพร้อมใช้อาวุธปืน จุด 38 ยิงใส่ขมับ นายบุญเลิศ น้องชายตนเองต่อหน้าต่อตา จนล้มฟุบทับตนเอง จากนั้นนายวาทิธ ได้หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ

ส่วนสาเหตุเกิดจาก นายบุญเลิศ ได้เสียกับภรรยาของนายวาทิธ ผู้เป็นหลาน และพาเมียหลานหลบหนีไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา นานกว่า 6 เดือน โดยได้กลับมาบ้านเมื่อ 4 วันก่อนเกิดเหตุ

ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ใกล้ริมธารน้ำติดกับสวนผลไม้ พบ นายวาทิธ ผู้ก่อเหตุ ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเองยิงน้าชาย คือ นายบุญเลิศ จริง โดยพูดถึงสาเหตุไปหลายครั้งจนไม่อยากจะพูดแล้ว

และยอมรับว่าโกรธแค้น นายบุญเลิศ น้าชายตนเอง เนื่องจากผู้ตายมีความสัมพันธ์ขั้นชู้สาวกับภรรยาของตนเอง ขณะที่ภรรยาตนเองมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ถูกน้าชายตนเองพาไปอยู่กินด้วย ขณะจากไปตนเองรู้สึกเสียใจและโกรธแค้นทั้งคู่ ไม่อยากให้ทั้งคู่กลับมาในพื้นที่บ้านหรือละแวกบ้าน แต่หลายครั้งที่ทั้งคู่กลับมาในละแวกบ้าน

จนช่วงเกิดเหตุตนเองกำลังขึ้นเก็บฝักสะตอ เห็นว่านายบุญเลิศขี่จักรยานยนต์เข้าสวนยางพารา ตนเองจึงตามไปพร้อมอาวุธปืน .38 และเห็นว่าอยู่ในขนำ จึงถีบประตูเข้าไปพร้อมจ่อยิงหัว และวิ่งหลบหนีนำปืนขว้างทิ้งในลำธารใกล้ที่เกิดเหตุ จากนั้นนั่งรอเจ้าหน้าที่เพื่อมอบตัว

ทางเจ้าหน้าที่จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมเก็บสารคัดหลั่งของ นายวาทิธ เพื่อตรวจดีเอ็นเอ จากนั้นให้ผู้ก่อเหตุนำชี้ประกอบคำรับสารภาพ และนำตัวเข้าสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีในชั้นสอบสวน 

ด้าน พล.ต.ต.มนต์ชัย ศรีประเสริฐ ผกบ.ภ.จว.พังงา กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นสาเหตุจากการขัดแย้งภายในครอบครัวเรื่องชู้สาว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนรายละเอียดต้องรอการสอบปากคำทั้ง ผู้ก่อเหตุ ผู้เห็นเหตุการณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ขณะที่ นางผดุง อายุ 62 ปี แม่ของนายวาทิธ ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า สาเหตุเกิดจากผู้ตายซึ่งเป็นน้องชายตนเอง เป็นชู้กับเมียของลูกชายตนเอง คนตายพาเมียของลูกชายตนเองไปอยู่ที่อื่นนานเกือบปีแล้ว

จากนั้นนายบุญเลิศยังกลับมาและมาบอกในพี่น้องว่า จะพาเมียของลูกกลับมาอาศัยอยู่ในละแวกบ้านเช่นเดิม ท่ามกลางที่มีการคัดค้านของญาติพี่น้องหลายคนบอกว่า “อย่าพามา ให้ไปอยู่ที่อื่น” สร้างความเจ็บแค้น ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกชายตนเองทำใจได้แล้ว หากไม่กลับมาบ้านก็ไม่น่าจะเกิดเหตุเช่นนี้

ทั้งนี้ ตนเองรู้สึกเสียใจมากเนื่องจากลูกชายที่ก่อเหตุเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่ทำงานภายในบ้าน และตนเองต้องเลี้ยงหลาน 2 คน ขณะลูกชายต้องถูกคุมขัง