ยังให้การไม่เหมือนกันในแต่ละรอบ หลอนลูกสาวนอนกับศพแม่ 4 ปี ญาติมาเยี่ยมช็อกเจอโครงกระดูก เพื่อนอึ้งเรียนจบป.ตรี ครอบครัวมีฐานะ

จากกรณีมีการเผยภาพสุดสลดในโซเชียลเป็นชิ้นส่วนโครงกระดูกของคนอยู่ในบ้าน พร้อมทั้งบอกว่า ลูกสติไม่ดีอยู่กับแม่ที่ตายมา4ปีจนเหลือแต่โครงกระดูกจนญาติมาเยี่ยมช๊อคตายมา4ปีไม่มีใครรู้ เหตุเกิดที่ห้วยกระปิเมืองชลบุรี

โดยวันที่ 9 ต.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสม็ด และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิไตรคุณธรรม (ซำเต็กไท้) ชลบุรี ได้รับแจ้งพบโครงกระดูกภายในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 4 บ.ซากพุดซา ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี เข้าตรวจสอบพบกับชิ้นส่วนกระดูกร่างกายของมนุษย์วางอยู่ พร้อมกับมีไม้เท้าช่วยเดินสำหรับผู้สูงอายุวางพาดอยู่ด้วย ทราบว่าเจ้าของโครงกระดูก คือ นางอารีย์ อายุ 69 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้กับลูกสาววัย 49 ปี ที่มีภาวะทางระบบประสาท มีอาชีพเก็บของเก่าขาย ทราบชื่อภายหลังคือ นางสาวปทุม (นามสมมติ)

ชาวบ้านที่เช่าบ้านอยู่ด้านหลังบ้านที่เกิดเหตุ เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ 1 ปี เผยที่ผ่านมาไม่เคยเจอ “นางอารีย์” มาก่อน แต่จะเจอ “นางสาวปทุม” บ่อยมาก มักจะขี่จักรยานเข้าออกบริเวณบ้านทุกเช้า-เย็น กระทั่งเมื่อวันที่ 4 – 5 ต.ค. 65 เห็น “นางสาวปทุม” กลับมาที่บ้านพร้อมเพื่อนผู้หญิง 1 คน แล้วก็นั่งคุยกันอยู่ที่บริเวณใต้ถุนบ้านหลังดังกล่าว ก่อนเพื่อนเขาจะกลับได้แวะคุยกับตน เพื่อนเขาเล่าว่าบังเอิญเจอ “นางสาวปทุม” ขณะปั่นจักรยานอยู่ข้างถนนแถวนี้

ตอนแรกยังไม่แน่ใจ พอแวะจอดดูและสอบถามถึงรู้ว่าใช่ จึงอยากรู้ว่าความเป็นอยู่ของ “นางสาวปทุม” เป็นยังไง ทำไมถึงได้มาปั่นจักรยานคล้ายกับคนเก็บของเก่า ทั้งๆ ที่เรียนจบถึงปริญญาตรี ครอบครัวที่ กทม. ก็มีฐานะ ซึ่งเพื่อนคนนี้ก็รู้จักกับครอบครัวของ “นางสาวปทุม” และจำได้ว่าเมื่อ 4 ปีก่อน “นางสาวปทุม” พาแม่ออกจากบ้านที่ กทม. มาด้วย ก็เลยถามว่าแม่ไปไหน “นางสาวปทุม” ก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าแม่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่ได้เล่าว่าเสียชีวิตด้วยเหตุใด

กระทั่งเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 65 เพื่อนคนนี้โทรศัพท์มาหาสอบถามว่า “นางสาวปทุม” อยู่ที่บ้านไหม ตนก็บอกไปว่าไม่อยู่ จากนั้นไม่นานครอบครัวของ “นางสาวปทุม” และเพื่อนคนนั้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็พากันมากันที่บ้านหลังนี้ เพราะเชื่อว่าหากเข้ามาตอนที่ “นางสาวปทุม” อยู่คงยากที่จะได้ขึ้นไปตรวจสอบชั้น 2 ของบ้าน

โดย น้องชายของ “นางสาวปทุม” ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลองขึ้นไปตรวจสอบชั้น 2 ของบ้าน พร้อมกับบอกตนว่า ก่อนหน้านี้ “นางสาวปทุม” พาแม่ออกมาอยู่ด้วย ครอบครัวติดต่อ “นางสาวปทุม” ไม่ได้เลย เมื่อเปิดประตูบ้านก็ต้องผงะกับกลิ่นสาบศพ เพราะภายในห้องเต็มไปด้วยขยะและไปพบโครงกระดูกมนุษย์วางอยู่บนแคร่ไม้ด้วย แล้วไม่นาน “นางสาวปทุม” ก็ปั่นจักรยานกลับมาที่บ้าน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตกใจ คล้ายกับมีอาการคลั่ง จะวิ่งพุ่งไปที่บ้านอย่างเดียว เนื่องจากที่ผ่านมา “นางสาวปทุม” จะหวงบ้านมากไม่ให้ใครเข้าใกล้เลย หากใครเดินไปใกล้ ๆ ก็จะเอาไม้ไล่ตีตลอด ตอนนั้นน้องชายเขาก็เข้าไปเกลี้ยกล่อมให้สงบสติและให้เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา

เพื่อนบ้านยอมรับว่าตกใจมาก ที่ผ่านมาเคยมีกลิ่นเหม็นลอยออกมาด้วย แต่ด้วยความที่รอบบ้านของ “นางสาวปทุม” เต็มไปด้วยน้ำขังและขยะ ก็เลยไม่เอะใจว่าจะเป็นกลิ่นศพ โดย “นางสาวปทุม” จะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่แค่ใต้ถุนบ้านกับบริเวณบันไดทางขึ้นชั้น 2 เท่านั้น ไม่ขึ้นไปที่ชั้น 2 กลางคืนก็จะมีเสียงเหมือน “นางสาวปทุม” ทุบของเสียงดังเป็นประจำ ได้ยินชาวบ้านที่อยู่มาก่อนเล่าว่า “นางสาวปทุม” สติไม่ค่อยดี ชอบอาละวาด

ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุมาประมาณ 20 ปี เล่าว่า ประมาณปลายปี 61 เริ่มสังเกตเห็นว่า “นางสาวปทุม” ลงมานอนที่แคร่ใต้ถุนบ้าน บางทีก็เอาสังกะสีมาปูนอนที่พื้นใต้ถุนบ้าน เหมือนกับหลบกลิ่นเหม็นจากศพแม่ที่บนบ้านหรือไม่ เพราะเมื่อก่อนยังเห็นว่านอนชั้น 2 ได้ แล้วพอเข้าสู่ปี 65 ก็เริ่มขยับขึ้นไปนอนที่บริเวณบันไดทางขึ้นชั้น 2 คาดว่ากลิ่นเหม็นคงหายไปแล้ว จึงขึ้นไปนอนได้

ขณะที่ “พ.ต.อ.ชนะไชย เกษมวงศ์” ผกก.สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้โครงกระดูกของ “นางอารีย์” อยู่ในขั้นตอนของการชันสูตรเพื่อยืนยันตัวตน ส่วน “นางสาวปทุม” ก็อยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลชลบุรี เบื้องต้นเท่าที่มีการสอบถาม “นางสาวปทุม” ในที่เกิดเหตุ เจ้าตัวให้การไม่เหมือนกันในแต่ละรอบ บ้างก็ยอมรับว่าแม่เสียชีวิตไปแล้วและตนได้ส่งผมแม่ไปเผาที่วัดแล้ว แต่เมื่อถามอีกครั้งก็บอกว่าแม่นอนหลับอยู่บนบ้าน

ขอบคุณที่มา เพจนักข่าว เมืองชล , อมรินทร์ทีวี